หยุดเสาร์ อาทิตย์ แล้วลาจันทร์ 1 วัน ก็บินไปเที่ยวไกลได้ถึง 2 เมือง เรากำลังจะพาไปกิน เที่ยว ใสๆ สไตล์โลคอลที่ฮ่องกงมาเก๊า เมืองที่ไปรอบเดียวไม่เคยพอเพราะนอกจากจะมีเที่ยวบินตรงเยอะแยะทั้งจากดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่แล้ว อาหารยังอร่อยจัดระดับมิชลินสตาร์ อ้อ แล้วอย่าลืมจัดเสื้อผ้าไปให้ครบทั้งตู้ด้วยล่ะ เพราะที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องมุมถ่ายรูปสตรีทสุดเท่ทั้งเมืองเอาแบบว่าที่ลงรูปกันไปได้อีกสามเดือน เจ็ดเดือนเลยทีเดียว
แต่จะไปทั้งที คราวนี้ก็ไม่อยากซ้ำที่เดิมอะเนอะ เราเลยจัดลิสต์สถานที่แบบครบๆ แบบฉบับโลคอลมาให้เที่ยวตามได้ใน 3 วัน 2 คืนจะสายกิน สายตลาด หรือสายขอผู้ขอลาภ เรามีให้หมด แถมด้วยสี pantone ประจำแต่ละที่ แบบที่ IG ไม่มีหลุดคุมโทนแน่นอน
ถ้าบิ๊วท์ขนาดนี้แล้วใครยังไม่อยากไป ก็บอกได้แค่ว่า
มีตลาดปลาทอง ดอกไม้ เมืองเก่า เป็ดย่าง ห่านย่าง และบ๊ะจ่าง รออยู่นะะ
แพลนเดือนหน้ายังไม่มีไปที่ไหน ก็ขอฝากฮ่องกงมาเก๊าไว้ในอ้อมอกอ้อมใจกันด้วย
ขอย้ำอีกรอบว่าตอนนี้ชาวใต้บินฮ่องกงมาเก๊าง่ายมากกก เพราะนอกจากภูเก็ตแล้ว ตอนนี้ก็บินตรงจากกระบี่ได้แล้วเด้อออจะสายช้อป สายกิน ก็ชวนกันไปฟินได้ สบายสุดดด
บินไปเที่ยวครั้งนี้ เราก็ยังคงไปกับแอร์เอเชียเจ้าเก่าเจ้าเดิม เริ่มเดินทางตั้งแต่เย็นวันศุกร์ ตะลุยฮ่องกง 2 วันเต็ม ก่อนจะข้ามไปมาเก๊า แล้วบินกลับกรุงเทพฯ ในวันสุดท้าย เรียกได้ว่าใช้ 3 วันได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ เพราะมาครั้งเดียวได้เที่ยวถึง 2 เมือง
ซึ่งเที่ยวบินแอร์เอเชียก็ตอบโจทย์มนุษย์ออฟฟิศอย่างเรามากกก เพราะจะบินเช้า หรือบินดึกหลังเลิกงาน ก็มีเที่ยวบินให้เราเลือกได้หมดดด ใครจะอยู่ภูเก็ตหรือเชียงใหม่ แอร์เอเชียเค้าก็มีบินตรงให้ด้วยเด้อ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพฯให้เสียเวลา แถมด้วยอาหารบนเครื่องร้อนๆ อีกนิดนึงคือฟิน บอกเลยว่าสั่งกินทุกรอบแบบจริงจัง เพราะความอร่อยกับราคาไม่แตกต่างกับที่แอร์พอร์ตเท่าไหร่ แต่ชิวกว่ามากไงล่ะ แฟนคลับอาหาร Santan ที่แท้ก็คือชั้นเอง Santan After You นี่ก็กินมาแล้ว 55555
หรือถ้าใครยังไม่จุใจจะลองเป็นแพ็คสุดคุ้ม ที่เค้าบวกประกัน บวกอาหาร
แถมด้วยนน.กระเป๋าเป็น 20 โลเตรียมไปช็อปต่อมันส์ๆ ก็ยังได้ จะได้กินอิ่มนอนหลับบนเครื่องได้อย่างสบายใจ พร้อมสำหรับทริปวันถัดไปได้เลยนะ
Bing Kee
ถ้าเมืองฝรั่งมี Food Truck เมืองฮ่องกงก็มี Dai Pai Dong เหมือนกัน แปลเป็นไทยก็คงจะคล้ายๆ กับร้านข้าวแกงข้างทางบ้านเรานั่นแหละ Bing Kee เป็นหนึ่งในร้านสตรีทฟู้ดสไตล์ดั้งเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่ในฮ่องกง แถมฮิตมากกกก ฮิตแบบต้องไปต่อคิวแย่งกินกับคนในท้องที่เลยนะบางที เพราะที่นี่ถึงจะดังแค่ไหน ก็ยังเปิดขายเล็กๆ มีที่นั่งไม่กี่ที่เหมือนเดิม ที่เคยทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นปู่นี่แหละ
เมนูเด็ดก็จะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูที่หน้าตาคล้ายมาม่าใส่หมูก้อน เสิร์ฟพร้อมกับชานมร้อนๆ ใส่แก้วแบบโบราณ ที่แน่ๆ เลยคือกินข้างทางเหมือนกันหมดนะจ้ะ ใต้หลังคาผ้าใบสีเขียวๆ แบบนี้เลย หน้าตาคุ้นๆ เหมือนบ้านเรามั้ย555 แต่ขอบอกว่ารสชาติเด็ดมาก เราชอบชานมเป็นพิเศษ ขอให้ไปลองสตรีทฟู้ดบ้านเค้ากันดูนะ
เวลาเปิด-ปิด : 7.30 – 14.00 (ให้ชัวร์ไปตอนมื้อเช้าหรือมื้อเที่ยงเป๊ะๆ ดีกว่า เพราะบางเว็บเห็นเค้าไปตอนสองโมงแล้วของหมด อดกินเด้อ)
สถานี : Tin Hau MTR Station Exit A แล้วเดินต่อตามกูเกิ้ลแมปได้เลย
Lo Mai Gai
Lo Mai Gai เรียกเป็นภาษาไทยบ้านๆ ก็บ๊ะจ่างนั่นเลยยย เป็นอีกหนึ่งอาหารที่ควรลองเมื่อมาเยือนถิ่นฮ่องกงแล้ว ลักษณะภายนอกก็คล้ายๆ กับบ๊ะจ่างของไทยนั่นแหละ แถมหากินได้ง่ายตามร้านติ่มซำทั่วไป จะแตกต่างก็ตรงที่รสชาติด้านในกับแป้งข้าวเหนียว ที่ค่อนข้างจะแข็งๆ ไม่นุ่มลิ้นเหมือนของบ้านเฮา และในขณะที่ไส้ข้างในบ้านเราจะเน้นไข่แดง หรือหมู ของเค้าก็จะเน้นไปที่เห็ดซะมากกว่า ก็เลยตีความเอาเองว่า ชอบของที่ไทยมากกว่าน่ะ
.
แต่ก็อย่างว่า มาถึงที่แล้ว ยังไงก็ลองเปิดใจกว้างๆ แล้วลองสั่งบ๊ะจ่างฮ่องกงมาลองกินกัน ไม่แน่ว่าฮ่องกงสไตล์อาจจะถูกใจใครบางคนเข้าบ้างล่ะนะ ไหนๆ มาทั้งทีก็มาลองชิมอาหารสไตล์คนโลคอลกันสักครั้งเนอะ
เวลาเปิด-ปิด : –
สถานี : ตามร้านติ่มซำทั่วไปเลยยย ลองมองหาร้านที่มีคนต่อแถวเยอะๆ
Mido cafe
ใช่ ชั้นรู้ว่ามันเคยฮิตมาเมื่อนานมากแล้ว แต่จะเป็นไรไป เพราะไม่ว่ายังไง Mido Cafe ก็ยังคงเป็นหนึ่งในร้านกาแฟ ที่คนฮ่องกงโลคอลเค้ามากินอาหารเช้ากันตั้งแต่ยุค 1950 และก็ยังคงฮิตติดชาร์ตมาจนถึงปัจจุบัน
ล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศโมเสกเก่าๆ กับรั้วหน้าต่างเหล็กดัด Mido Cafe เป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่เก่าแก่ที่สุดของฮ่องกง อยู่ใจกลาง Temple Street เสิร์ฟอาหารที่เราขอเรียกเองว่า Hong Kong Fusion คือมีความจีนแบบมิกซ์ๆ กันกับตะวันออก เช่นเส้นสปาเกตตี้ท็อปปิ้งด้วยซอสแบบจีน หรืออาหารเช้าเป็นขนมปัง ไข่ดาว แต่เสิร์ฟคู่กับชานม เรียกว่า Cha Chaan Teng หรือ Tea Restaurant นั่นเองงง
อาหารจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออกกับตะวันตกไว้ได้อย่างลงตัว เพราะเดิมทีอาหารฝรั่งจะถูกเสิร์ฟอย่างหรูหราเฉพาะในภัตตาคาร แถมชาก็กินเป็นชาจีนใสๆ ไม่มีใส่นม Cha Chaan Teng คือจุดเปลี่ยนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เริ่มมี Cheap Western Food เกิดขึ้น อาหารฝรั่งถูกทำให้ถูกลงทั้งราคาและถูกปากคนในท้องที่ หรือแม้แต่การดื่มชาเอง ก็เริ่มมีการใส่นมเข้าไปผสม เหมือนวัฒธรรมอังกฤษ ไหนๆ มาฮ่องกงทั้งทีแล้ว อย่าลืมไปลองอาหารประเภทนี้กันล่ะ รับรองว่าได้ดื่มด่ำไปถึงประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ฮ่องกงเลยทีเดียว
เวลาเปิด-ปิด : 8.30 – 21.30
สถานี : Yau Ma Tei MTR Station Exit C
Yau Wun Roast Meat
อีกหนึ่งอาหารที่ควรมาลองที่ฮ่องกง ก็คือ Roast Meat หรืออาหารจำพวกหมูแดง หมูกรอบ ต่างๆ ซึ่งก็มักจะพ่วงมากับห่านย่าง กลายเป็น 3 แพ็คคู่ ที่ถ้ามาถึงฮ่องกงแล้วไม่ได้กิน ก็จะเหมือนมาไม่ถึง
Yau Wan Roast Meat ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ได้ป็อปปูล่าในหมู่นักท่องเที่ยว แต่คนฮ่องกงเองคอนเฟิร์มว่าแล้วนะว่าที่นี่แหละเด็ด เหมาะและควรไปกินตามตามสไตล์โลคอลมากๆ ซึ่งถ้าถามเราแล้วก็อาจจะต้องชั่งน้ำหนักกับเวลาที่มีในทริปนิดนึง เพราะร้านค่อนข้างอยู่ไกลออกไปจากในเมือง ถ้าเป็นสายกินแล้วอยากกินให้ออริจินัลจริง จงตามไปลอง แต่ถ้าเป็นสายลองกิน จะลองหาอันที่ใกล้เคียงกันกินในเมือง เราว่าก็ยังพอได้อยู่
เวลาเปิด-ปิด : 9.00 – 22.00 (ควรไปมื้อเที่ยงเพื่อความชัวร์)
สถานี : Quarry Bay MTR Station Exit A
Sun Yuen Hing Kee
ถ้าเสิร์จในกูเกิ้ล ร้านนี้จะขึ้นเป็นลิสต์มิชลินสตาร์ ห่านย่างหมูแดง แต่ราคาไม่แรงในฮ่องกง ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากคำกล่าวที่ว่านี้นัก เพราะราคาไม่แรงจริงๆ แถมอร่อยถูกปากคนไทยอย่างเรามากกกกกก บรรยากาศบ้านๆ เข้าถึงง่ายอีกแหนะ เดินเข้ามาทั้งร้านนี่มีแต่คนฮ่องกงนะ เราแทบจะเป็นนักท่องเที่ยวเพียงโต๊ะเดียวในร้านเลย
.
สิ่งที่ต้องลุ้นไปมากกว่ารสชาติอาหาร ก็คงจะเป็นพนักงานรับออร์เดอร์นี่แหละ ขอให้ทำใจไว้ว่าเราจะสื่อสารภาษาอังกฤษล้วนกับเค้าไม่ได้ชัวร์ อาจจะต้องพึ่งภาษามือด้วยนิดหน่อย แต่ทั้งหมดทั้งปวงเพื่อความไม่ประมาทขอให้แคปรูปสิ่งที่เราอยากกิน แล้วยื่นให้เค้าแต่โดยดีดีกว่า โดยเมนูจะมีตั้งแต่หมูแดง หมูกรอบ ห่านย่าง หรือไม่ก็สั่งเป็นแบบรวม 3 อย่างก็ได้ จะได้ลองหลายๆ แบบ เราเน้นหมูกรอบเป็นหลัก ก็บอกได้เลยว่ากรอบได้ใจ ประทับใจมากกก สมแล้วกับที่ได้รางวัลมิชลินระดับบิบกูร์มองมาครอบครองถึง 7 ปีซ้อน ถูกและดีมีอยู่จริง คอนเฟิร์มมม
เวลาเปิด-ปิด : 11.30 – 22.30
สถานี : HKU MTR Station Exit B1
Cat Street
ถ้านิยามของฮ่องกงคือ East Meets West, Old Meets New เชื่อว่า Cat Street น่าจะเป็นเสมือนหนึ่งในตัวแทนที่บอกเล่าคำกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางตึกระฟ้าจำนวนมาก ณ Hollywood Street ตลาดเก่าขายของวินเทจอย่าง Cat Street ยังคงดำเนินชีวิตของมันไปอย่างเงียบๆ โปสเตอร์หนังจีน กาน้ำชา ปิ่นโตโบราณ ถูกวางโชว์ไว้หน้าร้านแต่ละร้าน พร้อมกับคนขายที่ดูแล้วก็น่าจะมีเรื่องราวไปไม่น้อยกว่าของที่เอามาวางโชว์เลยทีเดียว
.
มาฮ่องกงทีไร ก็อดใจไม่แวะมาที่นี่ไม่ได้ทุกที และถึงแม้แต่ละครั้งจะไม่เคยได้อะไรติดมือกลับไปเลย เราก็ยังอยากมาเดิน มาสัมผัสกลิ่นเก่าๆ เคล้าบรรยากาศโมเดิร์นของฮ่องกงที่นี่ทุกครั้ง ประหนึ่งว่าได้เดินย้อนเวลากลับไปช้าๆ ท่ามกลางความวุ่นวายของถนนที่อยู่รายรอบ
เวลาเปิด-ปิด : 11.00 – 18.00
สถานี : Shueng Wan MTR Station Exit2 แล้วเดินอีกนิดนึง (ที่จริงเสิร์จตามกูเกิ้ลแมป follow ตามได้เลย เดินไม่ยาก)
Flower Market
มาถึงฮ่องกงทั้งที ก็อยากจะไปเดินตามรอยสไตล์ Local บ้าง อะไรบ้าง อยากรู้ว่าเค้าใช้ชีวิตกันยังไง กินยังไง ช็อปปิ้งอะไร เลยเป็นที่มาของแหล่งตลาดโลคอลๆ ในอัลบั้มนี้ ถ้าเมืองไทยมีปากคลองตลาด ฮ่องกงก็มี Flower Market เหมือนกันอยู่ตรงถนน Prince Edward แถวนี้จะเป็นที่ตั้งของหลายๆ ตลาด สามารถเดินเล่นต่อเนื่องกันได้ตลอดแนวเลยทีเดียว ส่วนตลาดดอกไม้นี้ก็จะเต็มไปด้วยสีสันตั้งแต่ดอกไม้ ใบไม้ ต้นไม้ กระถางต้นไม้ มีทุกแบบทุกราคา ตั้งแต่ไซส์จิ๋วไปจนถึงต้นใหญ่ไฮโซ ใครไม่ใคร่จะซื้อต้นไม้กลับไปบ้านที่เมืองไทย จะมาเดินเล่น ถ่ายรูป กินบรรยากาศ เราว่าก็น่ารักดี นอกจากจะสีสันคัลเลอร์ฟูลสุดๆ แล้ว ยังจะได้เช็คอินที่เที่ยวไม่เหมือนใคร สไตล์โลคอลในฮ่องกงอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : 7.00 – 19.00 (ไปช่วงเช้าๆ ก็จะดีกว่า)
สถานี : Prince Edward MTR Station Exit B1
Goldfish Market
เดินต่อมาจากตลาดดอกไม้และตลาดนกไม่ไกล เราก็จะมาถึงตลาดปลาทอง ซึ่งความจริงก็ไม่ได้มีแค่ปลาทองหรอกนะ มีสัตว์น้ำ พืชน้ำทุกชนิดให้ได้เลือกสรรกันเลยทีเดียว แต่เยอะที่สุดก็เป็นปลาทองนี่แหละ ทำไมต้องปลาทอง? ก็เพราะว่าชาวจีนเชื่อว่าการเลี้ยงปลาทองจะเป็นการเสริมฮวงจุ้ยเรื่องโชคลาภให้เข้ามาสู่ครอบครัว สัตว์เลี้ยงสุดฮิตของที่นี่ก็เลยกลายเป็นปลาทองไป อย่างไม่ต้องสงสัย
.
ตลอดทางเดินตลาดจะมีจุดเด่นก็คือถุงพลาสติกใสใส่น้ำพร้อมกับปลาทองหลากสี บางร้านก็ทำเป็นคอกปลาใหญ่โต พร้อมสาดแสงสีชมพู สีม่วง ตัดกับป้ายนีออนสีเขียวสีแดงภาษาจีน ได้อารมณ์หนังหว่องไปอีกแบบ นอกจากจะได้มุมถ่ายรูปกันไปรัวๆ แล้ว เห็นแบบนี้เริ่มอยากซื้อปลาทองกลับไปเลี้ยงที่บ้านเสริมดวงในกระเป๋าตังกันบ้างหรือยัง? อ้ะๆ บอกเคล็ดลับเพิ่มอีกหน่อย ว่าของแท้ควรเลี้ยงให้ได้ครบ 9 ตัว ยิ่งถ้าเป็นสีแดง 8 ตัว บวกสีดำ 1 ตัวด้วยนะ จะยิ่งเฟอร์เฟ็คสุดๆ ไปเลย
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 22.0
สถานี : Prince Edward MTR Station Exit B2 หรือ Mong Kok East MTR Station Exit C
Yuen Po Street Bird Market
ไม่ไกลจากตลาดดอกไม้ เราจะเริ่มได้ยินเสียงนกร้องจ้อกแจ้กๆ เป็นจำนวนมาก เป็นสัญญาณว่าเราได้เดินมาถึงตลาดนก Yuen Po เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตลาดนกย้ายมาอยู่ที่ Yuen Po Street กว่ายี่สิบปีได้แล้ว ดั้งเดิมเคยตั้งอยู่ตรงถนน Hong Lok นั่นแหละ ก่อนที่ห้างหรู Langham Place จะถูกสร้างทับตลาดนกที่เดิมอยู่ตรงใจกลางเมืองฮ่องกงเหมือนในปัจจุบัน
.
ที่นี่ปัจจุบันเลยเป็นแหล่งรวมคนชอบถ่ายรูปแนวสตรีทตัวพ่อไปโดยปริยาย ที่แน่ๆ คือเป็นแหล่งรวมคนชอบนก (ไม่ใช่นกแบบนั้นนะ นกจิ้บๆ) มานั่งคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน รวมไปถึงพวกอุปกรณ์การดูแลนกต่างๆ นานา ตั้งแต่กรงไม้ทำมือ จานข้าว จานน้ำ ของเล่นนก และแน่นอนว่ามีนกขายเต็มไปหมดดด เดินออกมาจากตลาด อาจจะมีกลิ่นนกติดออกมาได้ไม่รู้ตัว
เวลาเปิด-ปิด : 7.00 – 20.00
สถานี : Prince Edward MTR Station Exit B1
Che Kung Temple
ในบรรดาวัดนับร้อยแห่งในฮ่องกง ถ้าถามถึงวัดที่เป็นที่นิยมที่สุดในหมู่คนไทยอย่างเราหรือแม้กระทั่งในหมู่ชาวฮ่องกงเอง ก็คงจะหนีไม่พ้นวัดแชกง หรือวัดกังหันลม
วัดแชกงนี้มีประวัติความเป็นมาที่ช้านาน สร้างมาตั้งแต่สมัยสามร้อยกว่าปีก่อน ตามตำนานเล่ากันว่าได้มีโจรสลัดต้องการที่จะมาปล้นชาวบ้าน เมื่อนายพลแชกงรู้เข้าก็ได้บอกให้ชาวบ้านพับกังหันลมแล้วนำไปติดไว้ที่หน้าบ้าน ปรากฎว่าโจรสลัดได้จากไปและไม่ได้ทำการปล้น ชาวบ้านจึงมีความเชื่อว่ากังหันลมนั้นช่วยขจัดสิ่งชั่วร้ายที่กำลังจะเข้ามา และนำพาสิ่งดีๆมาสู่ตน จึงได้สร้างวัดแชกงแห่งนี้ชึ้น เพื่อระลึกถึงนายพลแชกง และเป็นที่สักการะบูชาเพื่อไม่ให้มีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น
กังหันลมแห่งวัดแชกงนี้ เลยกลายไปที่โด่งดังทั้งในหมู่คนฮ่องกง คนจีน หรือแม้แต่คนไทย
เกิดเป็นเครื่องราง จิวเวลรี่ สร้อยคอ พกติดตัว เป็นความเชื่อที่ว่าถ้าใครมีไว้บูชา ก็จะปัดเป่าสิ่งไม่ดี และนำพาสิ่งดีๆ เข้ามาสู่ตัวเรา
สำหรับการกราบไหว้บูชาที่วัดแชกงนี้ กิมมิคอยู่ที่การตีกลองทั้งหมดสามครั้ง และหมุนกังหันลมไปทางขวาสามที ทำแบบเดียวกันทั้งกังหันฝั่งซ้าย และฝั่งขวา
และอย่าลืมอธิฐานขอพรด้วยละ จะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ก็คงต้องมาลองกันดูเอง แอบกระซิบเบาๆ ที่ตรงนี้ว่าเศรษฐีฮ่องกงเค้ามาไหว้ที่นี่กันเป็นประจำแค่นั้นเอง
เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 18.00
สถานี : Tai Wai MTR Station Exit B
Wong Tai Sin Temple
วัดนี้คนไทยเรียกกันติดหูว่าวัดหวังต้าเซียน เป็นอีกหนึ่งวัดที่คงจะไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์เรื่องขอพรขอคู่สละโสด จนหลายๆคนบอกว่า ถ้ามาฮ่องกงแล้วไม่ได้มาไหว้พระที่นี่ ถือว่ายังมาไม่ถึงฮ่องกงเลยด้วยซ้ำ
วัดหวังต้าเซียนเป็นวัดลัทธิเต๋าเก่าแก่กว่าร้อยปี มีประวัติความเป็นมาว่าท่านเทพหวังต้าเซียนเดิมทีเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีจิตใจเมตตาต่อชาวโลก หลังจากที่ได้ไปร่ำเรียนความรู้มาจากภูเขาไกล ก็ได้กลับมาใช้วิชาความรู้ด้านสมุนไพรเพื่อรักษาชาวบ้าน วัดหวังต้าเซียนจึงโด่งดังเป็นอย่างมากอีกเช่นกันในเรื่องการขอพรด้านสุขภาพ
และอีกเรื่องก็คือการเสี่ยงเซียมซี ที่หลายๆคนเค้าว่ากันว่าแม่นมาก คือก่อนจะเสี่ยงเซียมซีก็ให้ตั้งจิตอธิษฐาน ถามถึงเรื่องที่อยากได้คำตอบเพียงข้อเดียว แล้วไปรับใบตามเบอร์ที่ได้
แต่ใบกระดาษของทางวัดจะมีแค่ภาษาจีน เราสามารถเข้าเว็บไซด์ของวัดดูคำแปลภาษาอังกฤษได้ทีหลัง ไฮเท็คป้ะละ
ข้อสุดท้ายเลยที่กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของที่นี่ไปแล้ว ก็คือไปขอผู้ขอคู่ที่นี่นี่แหละ
ที่เห็นเวลาใครไปแล้วผูกด้ายแดงกันอย่างบ้าคลั่ง ก็บอกเลย ว่าของแท้ต้องที่นี่นะจ๊ะ
เทพเจ้าหยุคโหลว เป็นที่รู้จักกันในนามเทพเจ้าแห่งจันทราและความรัก ตามตำนวนเล่าว่าหลังจากที่ภรรยาของท่านเสียชีวิตขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ ท่านก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนาเพื่อขอให้ทวยเทพประทานพรให้ท่านได้ขึ้นไปอยู่กับคนรัก จนกระทั่งในที่สุดก็ได้ขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ คอยทำหน้าที่จดรายชื่อคู่รัก หลายคนจึงเชื่อกันว่าสมุดที่ท่านถืออยู่ในมือ คือบัญชีรายชื่อของคู่รักที่จะได้รับคำอวยพรให้อยู่คู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข
เพราะฉะนั้น ถ้าใครมีโอกาสได้แวะไปวัดหวังต้าเซียน อย่าลืมหาโอกาสผูกด้ายแดง ภาวนาขอความรักกันได้เด้อออ
เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 18.00
สถานี : Wong Tai Sin MTR Station Exit B3
Man Mo Temple
อีกหนึ่งวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของฝั่งเกาะฮ่องกง สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่กราบไหว้บูชาเทพ Man กับเทพ Moเทพ Man (หมั่น) คือเทพแห่งวรรณกรรมและการเรียนรู้ เทพ Mo (โหม่) คือเทพแห่งสงคราม ซึ่งก็คือท่านเทพกวนอูนั่นเอง
วัดนี้เป็นวัดของเทพตามลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นที่นิยมมาเพื่อสักการะเทพเจ้าแห่งอักษรศาสตร์ เป็นเทพแห่งการเรียนรู้ และความเฉลียวฉลาด มาขอพรเพื่อที่จะได้เรียนหนังสือเก่ง ๆ
สำหรับเราจุดเด่นของวัดนี้คือตัววัดตั้งอยู่ในตึกเก่าแก่หลายร้อยปี และวัดเต็มไปด้วยธูปขดเป็นวงๆ ห้อยลงมาจากเพดาน จนกลายเป็นศิลปะแสนเกร๋ประจำวัดนี้ไปแล้ว
โดยสาเหตุที่คนท้องถิ่นนิยมใช้ธูปขด เพราะเค้าเชื่อว่าธูปแบบนี้จุดได้นาน คำอธิฐานของเค้าจะได้ส่งไปถึงเทพได้
เป็นที่มาของการที่เด็กฮ่องกงชอบขอพรที่นี่ก่อนสอบกันเพียบ ใครอยากเรียนเก่ง ใครอยากสอบติด ลองไปจุดธูปขดขอพรที่นี่ดู ได้ไม่ได้ยังไง แล้วมาเล่าให้ฟังด้วยนะ
เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 18.00
สถานี : MTR Sheung Wan Exit A2 จากนั้นเดินตามถนน Hillier Street สู่ Queen’s Road Central
ขึ้นถนนบันได Ladder Street ไปยัง Hollywood Road ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Man Mo Temple
Antonio
ถ้าจะให้พูดถึงอาหารโปรตุเกสรสชาติดั้งเดิมในมาเก๊า เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องนึกถึงร้าน Antonio กันอย่างไม่ต้องสงสัย การันตีด้วยเชฟระดับมิชลินสตาร์ ที่ไม่ได้มีแค่รสชาติอาหาร แต่ลีลาในการปรุงเรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใครแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่ฮิตทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวและชาวมาเก๊าเองด้วย
คุณเชฟ Antonio เริ่มเปิดร้านอาหารโปรตุเกสในมาเก๊ามาตั้งแต่ปี 2008 รวมๆ แล้วก็สิบปีเท่านั้นเอง แต่ฝีมือเฮียแกไม่ใช่ธรรมดานะ เคยทำงานในร้านอาหารโรงแรม ร้านอาหารชั้นนำมาแล้วเยอะมากกกก่อนจะมาเปิดเป็นร้านของตัวเอง เมนูเด็ดเลยก็ต้องนี่ ไส้กรอกโปรตุเกส นำมาย่างไฟกันสดๆ ให้ดูถึงที่โต๊ะเลยทีเดียว บวกด้วยเมนูอาหารโปรตุกีสอีกหลากหลายที่อิมพอร์ทมาจากบ้านเกิดเมืองนอนของคุณเชฟ มีครบเครื่องตั้งแต่ กุ้ง หอย ปู ปลา แถมโชว์พิเศษปิดท้ายเป็นเครปของหวาน พร้อมกับเสียงกีต้าร์บรรเลงบทเพลงโปรตุกีสอบอวลไปทั่วร้านเลยทีเดียว บรรยากาศทั้งอบอุ่นและอร่อยไปพร้อมๆ กันเลยล่ะ
เวลาเปิด-ปิด : 11.30 – 24.00
สถานที่ : Rua dos Clerigos No. 7, Old Taipa Village, Taipa, Macau
Nga Tim Seafood
หนึ่งในไฮไลท์ของความ East Meets West ของมาเก๊า ถูกถ่ายทอดลงมาในสไตล์ของอาหารที่มีตั้งแต่ Chinese, Portuguese และ Macanese ร้าน Nga Tim ถูกแนะนำเป็นสถานที่ที่ควรไปลองกินซักครั้งถ้าได้มีโอกาสมาเยือนมาเก๊า นอกไปจากอาหารซีฟู้ดที่มีการปรุงในหลากหลายรูปแบบแล้ว ร้านอาหารยังมีกลิ่นอายของความเป็นตะวันตกชัดเจน ประหนึ่งนั่งกินข้าวจิบไวน์อยู่ที่จัตุรัสเมืองยุโรปที่ไหนซักเมือง แถมด้วยวิวที่ดีสุดๆ เพราะอยู่ติดกับโบสถ์ St. Francis Xavier ที่สีดีโคตร
ส่วนเรื่องความสดนั้นไม่ต้องพูดถึง ร้าน Nga Tim ตั้งอยู่ใกล้กับทะเล เดินมาจากหมู่บ้าน Coloane อาจจะลองเป็นเมนูง่ายๆ อย่างเช่นพวกกุ้ง หอย หรือจะเมนูชื่อยากอย่างไก่ย่างแอฟริกันก็โอเคอยู่ ภาวนาอย่างเดียวอย่าให้ระเบียงหน้าร้านร้อนเกินไปจนออกมานั่งชิลไม่ได้ซะก่อนละกันนะ
เวลาเปิด-ปิด : 12.00 – 24.00
สถานที่ : Rua Caetano No.8 Coloane Village, Macau
San Hou Lei
ถ้าไปเดินเล่นตรงหมู่บ้าน Taipa แล้วบังเอิญเห็นแถวคนท้องถิ่นต่อคิวซื้ออะไรกัน ยาวจัง เป็นไปได้ว่าร้านนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในร้านออริจินัลทาร์ตไข่โปรตุเกสที่ป็อปที่สุดในย่านนี้ คือร้าน San Hou Lei นี่เอง ที่นี่เสิร์ฟทาร์ตไข่ร้อนๆ ที่มีหลายรสชาติ ตั้งแต่นมสด กะทิ หรือจะเป็นรสชาติแท้ๆ สไตล์โปรตุเกสก็มี ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ารสชาติดั้งเดิมจริงมั้ย รู้แต่ว่าอร่อย และน่าจะถูกใจคอของหวานกันได้เป็นอย่างดี
.
ส่วนใครที่ไม่ได้เป็นแฟนทาร์ตไข่ ที่นี่ก็มีเมนูที่น่าสนใจอื่นๆ อย่างขนมปังบันไส้หมู กินคู่กับชานมร้อนๆ แต่ก็อย่างว่า ยูมาถึงร้านทาร์ตไข่แล้วนะยูววว จะลองทาร์ตไข่สไตล์โปรตุเกสซักคำสองคำ จะเป็นไรไป :p
เวลาเปิด-ปิด : 7.15 – 18.15
สถานี : 13-14 Rua do Regedor, Taipa Island
Macau Old Town
ทีแรกว่าจะพาไปเดินที่ตรอกเมืองเก่าสุดน่ารักอย่าง RUA DOS ERVANÁRIOS แต่ปิดซะงั้นนน เราเลยเดินลัดเลาะกลับไปจัตุรัส Senado ตามเดิม พร้อมเดินทะลุซอยนั้นเข้าซอยนี้ไปเรื่อย เพื่อแวะดูกำแพงบ้านเรือน และซึมซับวิถีชีวิตชาวมาเก๊า ก่อนที่จะตรงไปถ่ายรูปกับ RUINS OF ST. PAUL’S ซะหน่อยเพื่อเป็นการเช็คอิน บอกได้เลยว่าถูกจริตคนชอบ lifestyle แบบสตรีทๆ แน่นอน เพราะนอกจากจะมีสตรีทฟู๊ดสไตล์โลคอลแบบอัดแน่นไปด้วยคนโลคอลโผล่มาให้เห็นเรื่อยๆ แล้ว พวกกำแพง ประตู หน้าต่างนี่ล่ะ ที่สุดของความดีงาม เรียกว่าถ่ายรูปกันเพลินไปเลย
เวลาเปิด-ปิด : –
สถานี : RUA DOS ERVANÁRIOS
Rooftop Macau
หมู่บ้าน Taipa เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่มีมาตั้งแต่เก่าแก่ตั้งแต่ยุคปกครองของโปรตุเกส นอกจากอาคารบ้านเรือนจะมีสีสันสดใส สไตล์สถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลแล้ว ยังเป็นเหมือนถนนสายอาหารสำหรับนักกินที่แท้จริง เพราะบริเวณตรอกเล็กๆ ที่ชื่อว่า Rua do Cunha ถ้าเทียบกับไทย ก็คงเป็นเหมือนถนนสายกินของคนมาเก๊า เอาไว้ออกมาสรรหาร้านอร่อยกินกันไม่ขาดสาย ทั้งร้านค้า ร้านขนมเนี่ย ขายกันเต็ม 2 ข้างทางเลยนะ ขนมท้องถิ่นจีน โปรตุกีสก็ดี หรือจะเป็นคาเฟ่ชิคๆ เก๋ๆ ก็มีอยู่เยอะแยะพอๆ กัน
อย่างคาเฟ่ Rooftop ก็เรียกได้ว่าเป็น Hidden Gem อีกหนึ่งอันที่เพื่อนชาวมาเก๊าเค้าแนะนำว่ายังไงก็ต้องมาให้ได้ เพราะที่นี่เป็นร้านแบบ Boutique Lifestyle Coffee Shop คือไม่ได้เป็นแค่ร้านขายกาแฟทั่วไปนะ แต่มีทั้งขายอุปกรณ์แต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเขียนจุ้กจิ้กๆ สไตล์ Selected Store เลยทีเดียว เดินดูของชิลๆ เสร็จแล้ว จะขึ้นนั่งกินกาแฟบนดาดฟ้าต่อพร้อมกับวิวหมู่บ้าน Taipa จากด้านบนก็ยังได้ ถือได้ว่าเป็นที่ที่ควรค่าแกการมานั่งพักผ่อนหย่อนขาได้อย่างแท้จริง
เวลาเปิด-ปิด: 11.30 – 20.00
สถานที่: Rua Correia da Silva 49, Taipa, Macau
A-ma Temple
วัดอาม่าเป็นวัดที่มีความเป็นอยู่มาอย่างยาวนาน นานแค่ไหน ก็แค่เกิดก่อนที่จะมีมาเก๊าเป็นตัวเป็นตนนั่นแหละ แถมยังว่ากันว่าเป็นที่มาของชื่อมาเก๊าซะด้วย เพราะอีกชื่อนึงของวัดนี้ก็คือ A Maa Gok นั่นเอง พอมีกะลาสีเรือชาวโปรตุกีสแล่นเรือมาเจอเข้าถามว่าที่นี่ที่ไหน เลยกลายเป็นชื่อแผ่นดิน Maa Gok หรือเพี้ยนกลายเป็น Macau อย่างในปัจจุบัน
วัดอาม่าอยู่ทางตอนใต้ของเกาะมาเก๊า ใกล้ฝั่งทะเล เป็นอีกหนึ่งที่ฮิต ที่จะมีชาวมาเก๊าคนมากราบไหว้ขอพรอยู่หลายจุด บางจุดก็ต้องเดินไต่เขาขึ้นไป มีทั้งศาลเจ้า รูปปั้นโบราณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นานาให้เราได้สักการะบูชา นอกจากนั้นซีนวัดจีนโบราณของวัดอาม่านี้ยังได้กลายเป็นภาพถ่ายภาพแรกๆ ที่กลายเป็นภาพจำของมาเก๊ามาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : 7.00 – 18.00
สถานที่ : Rua dos Clerigos No. 7, Old Taipa Village, Taipa, Macau
สุดท้ายนี้ ใครอ่านมาจนถึงรูปสุดท้ายก็ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้โควต้าการอ่านเกินแปดบรรทัดไปเยอะเลยจ้าา555555
ลิสต์ให้เยอะขนาดนี้ บอกเลยว่า ไปแค่ครั้งเดียวครบทุกสิ่งอย่างที่ควรจะต้องทำในมาเก๊าฮ่องกงจริงๆ ไม่ว่าจะสายกิน สายวัด สายโลคอล บวกคาเฟ่เล็กๆ พอให้ทั้งทริปมีรสชาติและกลมกล่อมขึ้นสักหน่อย
บิ้วมาขนาดนี้แล้ว อย่าลืมส่งลิงก์อัลบั้มไปกระแทกหน้าเพื่อน หน้าแฟน แล้วชวนกันบินไปเที่ยวรัวๆ นะเออ ทริปพร้อม กระเป๋าพร้อม เหลือแค่กดจองตั๋วเท่านั้นล่ะ เสาร์อาทิตย์นี้ก็ชิวแล้ว ;p
#ทริปสุขเสาร์อาทิตย์
#ทริปสั้นเที่ยวง่ายจ่ายคุ้ม
#ไปฮ่องกงมาเก๊าไปกับแอร์เอเชีย
#AirAsia
1 comment