The Capital Oslo
เดินเล่นใเมืองหลวงของนอร์เวย์
ก่อนอื่นขอพูดถึงประเทศนอร์เวย์สักหน่อย นอร์เวย์อยู่แถบสแกนดิเนเวีย อยู่ติดๆ กับสวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย เป็นประเทศที่มีชายฝั่งยาว และมีฟยอร์ดรวมถึงธรรมชาติที่สวยมากๆ ด้วย แน่นอนว่าสายชอบธรรมชาติและความสงบแบบเราเลยไม่อยากพลาดนอร์เวย์ด้วยประการทั้งปวง : )
นอร์เวย์ขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติ มาเที่ยวครั้งนี้เราเลยเราวางทริปแพลนใหญ่ ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวให้ครบทั้งเมือง ทั้ง Trek ภูเขาที่เค้าว่ากันว่าแลนด์สเคปสวยๆ มาทั้งทีกะว่าต้องเที่ยวให้คุ้มแหละ
เราเริ่มกันที่ Oslo ที่แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแต่กลับไม่ได้วุ่นวายอย่างที่คิด ด้วยความที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากคืออยู่ติดกับทะเลสาบมีผืนป่าสีเขียวๆ มีลมเย็นๆ นอกจากนี้ยังโดดเด่นเรื่องเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมจนได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงที่สำคัญด้านวัฒนธรรมของยุโรปเลยทีเดียว
ท่าเรือเอเคอร์บรูค ( Aker Brygge)
เมื่อก่อนเอเคอร์บรูคเคยเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ ปัจจุบันพอได้มีการพัฒนาพื้นที่ เริ่มมีบ้านคน มีห้าง ร้านอาหาร คาเฟ่ ก็ค่อยๆ ทำให้ท่าเรือเก่าแก่นี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง กลายเป็นแหล่งบันเทิงที่ครบมากๆ
ส่วนเราชอบการเดินเล่นริมท่าเรือรับลมเย็นๆ ดูเรือกำลังแล่น เห็นผู้คนเดินไปมา แค่นี้ก็เอ็นจอยสุดๆ แล้ว ใครมาที่นี่ลองมาเดินเล่นดูวิถีชีวิตของชาวนอร์เวย์กันนะ : )
พิพิธภัณศิลปะสมัยใหม่ (Astrup Fearnley)
เรียนรู้ประวัติศาสตร์แบบเต็มอิ่มแล้วก็มาต่อกันที่การเดินชมศิลปะในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่รวบรวมผลงานศิลปะร่วมสมัยของนอร์เวย์และนานาชาติเอาไว้ที่นี่
จากแต่เดิมที่จะเน้นพวกของสะสม แต่ปัจจุบันจะเริ่มมีศิลปะอเมริกัน และศิลปะระดับโลกเพิ่มเข้ามาบ้างเหมือนกันและด้วยความที่พื้นที่ขนาดใหญ่บวกกับทันสมัยทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีนิทรรศกาลหมุนเวียนอยู่เรื่อยๆ
The Norwegian National Opera & Ballet
ถามหาความสุนทรีย์ล่ะก็นอร์เวย์เขาก็มีนะ!!
ถ้ามาออสโลแล้วยังไงก็ต้องแวะมาอาคารที่ประดับด้วยกระจก ตัวอาคารทำจากหินอ่อนอิตาลีทรงโมเดิน์นวางลาดไปกับน้ำทะเลที่ดูแล้วเหมือนธารน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่โผล่ออกมาจากทะเลยังไงอย่างนั้น
นอกจาก Opera House จะเป็นแลนมาร์กสำคัญแล้ว ที่นี่ยังถือเป็นศูนย์วัฒนธรรมของนอร์เวย์เลยก็ว่าได้เพราะภายในมีห้องจัดแสดงโอเปร่าและบัลเล่ย์กว่า 1,000 ห้อง ใครอยากมาดูนักแสดงฝึกซ้อมกันก็มาดูได้ที่นี่นี่เลย
พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง (The Viking Ship Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งของของบรรพบุรุษของนอร์เวย์และทางโบราณคดีเอาไว้มากมาย เรียกว่าเป็นแหล่งรวมประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้
สำหรับชาวไวกิ้งแล้วเรือเปรียบเสมือนอวัยวะที่ 33 เลยก็ว่าได้ โดนเรือนี้ใช้ในการค้าขาย
สู้รบ และใช้สำรวจดินแดนใหม่ๆ เรือเลยถือว่าพาหนะที่สำคัญมากๆ และพิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้งที่นอร์เวย์ก็ได้รวบรวมเรือไวกิ้งไว้ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ไว้ถึง 4 ลำ
จุดไฮไลท์ของที่นี่คือเรืออุสแบนนิ ที่เค้าสันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างขึ้นเพื่อให้กษัตริย์ของไว้กิ้งใช้สำหรับเดินทางออกทะเลในระยะเวลาสั้นๆ แต่ตอนที่มาแรกๆ เรือไม่ได้สมบูรณฺ์แบบนี้มาตั้งแต่ต้นนะ ทางนอร์เวย์เค้าได้ซ่อมและทดลองแล่นจริงๆ มาแล้ว เพื่อให้รู้ว่าเรือสมัยก่อนเป็นแบบไหน จะได้ซ่อมให้คงอยู่แบบนั้นนั่นเอง
ศูนย์สันติภาพโนเบล (Nobel Peace Center)
เป็นสถานที่สำหรับมอบรางวัลโนเบลและเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติของผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ไปในตัวด้วย
ภายในยังมีการจัดแสดงประวัติของ อัลเฟรด โนเบล (Alfred Nobel) นักเคมีชาวสวีเดนผู้คิดค้นระเบิดไดนาไมต์ ซึ่งเขาเองรู้สึกผิดที่ระเบิดไดนาไมต์ได้เอามาใช้คร่าชีวิตผู้คน จึงเขียนพินัยกรรมเอาไว้ก่อนเสียชีวิตว่าจะยกทรัพย์สมบัติให้เอาไปสร้างเป็นมูลนิธิโนเบล
เพื่อมอบรางวัลให้กับคนที่ทำประโยชน์ในด้านต่างๆ โดยพิธีมอบรางวัลโนเบลจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 10 ธันวาคม
ศาลาว่าการกรุงออสโล (City Hall)
ตัวตึกสร้างจากอิฐสีแดงและเป็นลักษณะตึกคู่ ถ้าใครอยากเข้ามาดูข้างในก็สามารถเข้ามาได้เลยไม่ต้องจองและไม่เสียค่าเข้าชมจ้า
ภายในจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่มีจิตกรรมฝาผนังต่างๆ ที่สวยงามมากก จะมีภาพวาดสีน้ำมันที่เกี่ยวกับชีวิตผู้คน การทำเกษตรกรรม การทำประมง และเรื่องสงครามด้วย นอกจากนั้นยังมีห้องจัดเลี้ยงต่างๆ ให้ชมด้วยนะ ใครแวะมาออสโลเราว่าควรค่าแก่การแวะมาดูมากๆ