#gogetlostIndia EP1 Delhi
ถ้าเปรียบอินเดียเป็นคน
เราว่าเค้าจะเป็นคนตลก ซกมก แต่ก็โคตรมีเสน่ห์ แบบที่ว่าถ้าใครได้รู้จัก จะต้องเป็นอันหลงรักเข้าอย่างแน่นอน และถึงแม้นี่จะเป็นอินเดียครั้งแรก แต่เราก็หลงรักคุณอินเดียคนนี้เข้าให้อย่างจัง
เราเริ่มทำการรู้จักคุณอินเดียผ่านเมืองหลวงอย่าง Delhi ถึงแม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก แต่การมาเยือนเมืองหลวงมักจะทำให้เราทำความรู้จักประเทศนั้นๆ ได้ดียิ่งขึ้น เราเลยเลือกที่จะบินมาแวะที่ Delhi ก่อนหนึ่งวัน ก่อนที่จะนั่งรถต่อไป Agra และ Jaipur ในวันต่อๆ ไป
Delhi คือความครบรส มีทั้ง New Delhi เมืองหลวงที่เจริญเหมือนเมืองใหญ่ทั่วๆ ไป พอข้ามมาฝั่ง Old Delhi ก็ยังคงความโกลาหลวุ่นวายได้ตามแบบฉบับออริจินัลอินเดียมากๆถือเป็นการเริ่มต้นรู้จักคุณอินเดียในทั้งสองมุม เป็น First Impression ที่ดีเลยทีเดียว
ส่วนใครที่สงสัยว่าไป Delhi แล้วต้องไปไหนบ้างเราทำสรุปเอาไว้ให้ตามกันได้ง่ายๆ ในโพสนี้เลยหรือถ้าใครอยากเห็นบรรยากาศจริงๆ ก็อยากให้ตามไปดู VLOG ใน Youtube Channel ด้านบนนี้ได้เลยย 😀
พร้อมยัง ?ปะ ตามไปทำความรู้จัก Delhi กัน
เราแวะ Delhi ทั้งหมด 24 ชั่วโมงเต็มพอดี เครื่องแลนด์ตอนเที่ยงของวันแรก แล้วก็เริ่มเที่ยวช่วงบ่ายเลย นอนค้างที่ Delhi กันหนึ่งคืน ตื่นเช้ามาเที่ยวอีกหนึ่งที่ ก่อนจะออกเดินทางไป Agra ถ้าถามว่า 24 ชั่วโมงใน Delhi เที่ยวพอมั้ยตอบได้ทันทีเลยว่า “ไม่พอ” Delhi มีอะไรให้ดู ให้ชม ให้แวะ เยอะมากกก มากจนต้องใจแข็ง ยอมตัดจนเหลือ 4 ที่หลักๆให้พอหอมปากหอมคอ
จากสนามบิน เราแวะกันที่ Dilli Haat ที่เป็น Open Air Market รวมของเด็ดของดังจากทั่วประเทศแล้วไปต่อกันที่ Red Fort กับ Jama Masjid ในฝั่งเมืองเก่า ที่ใครมา Delhi แล้วจะไม่แวะไม่ได้ ส่วนวันรุ่งขึ้นก็ไปกันที่ Humayun’s Tomb กันแต่เช้า ก่อนบอกลา Delhi ในช่วงสายแล้วนั่งรถไป Agra กัน
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเราเดินทางกันยังไง
ด้วยความที่ไปกับพ่อ กับแม่ เลยขอความสะดวกสบายนิดนึง ด้วยการเช่ารถพร้อมคนขับที่จะติดตามเราไปตลอดการผจญภัยในอินเดีย ซึ่งขอบอกเลยว่าเกินคุ้ม 5 วัน 5 คน รวมทั้งหมด 16,000 บาทไม่ต้องไปโบกรถ ไม่ต้องไปต่อสู้กับความวุ่นวายให้หมดพลังงาน ซึ่งถ้าใครจะไปอินเดีย ก็จะขอแนะนำให้ใช้วิธีนี้ ไม่ว่าจะด้วยกรณีไหนก็ตาม แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนด้วยนะ ว่าด้วยความที่รถที่เช่ามาเป็นรถใหญ่ เลยไม่สามารถพาเข้าไปในทุกสถานที่ได้ ที่ไหนอยู่ในโซนเมืองเก่า ก็ต้องโบกตุ๊กๆ เข้าไป ให้หูได้พอคุ้นชินกับการกระหน่ำเสียงแตรบนท้องถนน
Dilli Haat
An open-air food and craft bazaar
Opening: 10:00 – 22:00 (Daily)
Ticket: 20 Rupees
ต้องบอกก่อนว่าที่นี่แนะนำโดยเพื่อนคนอินเดียของเราเองเค้าบอกว่าสำหรับคนที่ชอบช้อปปิ้ง คือห้ามพลาดที่นี่ด้วยประการทั้งปวง
ถ้าเปรียบกับบ้านเรา Dilli Haat ก็คือ JJ ดีๆ นี่เอง ที่นี่ก่อตั้งโดยรัฐบาลอินเดีย ด้วยความตั้งใจที่ว่า อยากจะสร้าง Market Place ให้คนท้องถิ่นจากทั่วประเทศ ได้เอาดีจากบ้านเกิดตัวเองมา showcase ซึ่งก็เป็นอย่างที่เค้าตั้งใจจริงๆ เพราะจากที่สังเกตแล้ว เราว่าของที่นี่คือดีมากกกก เป็นของอินเดียพรีเมี่ยม สวยงามมีดีไซน์ ถ้าอยู่บ้านเราก็คงจะประมาณว่าเป็น Otop 5 ดาว
Dilli Haat ที่จริงคือมีขนาดไม่ใหญ่มาก เดินเร็วๆ 30 นาที ก็น่าจะทั่วแล้ว แต่ถ้าใครขาช้อป ก็อาจจะต้องเผื่อเวลาไว้อย่างน้อยสัก 1-2 ชั่วโมง ไม่ใช่แค่ไว้ดูของนะ แต่เผื่อเวลาไว้ต่อสู้กับคนขายด้วย เพราะขึ้นชื่อว่าอินเดียแล้วอย่าได้ไว้ใจเป็นอันขาด ถ้าบอกราคามา 1000 ต่อไปเลย 300 แบบไม่ต้องเกรงใจ คนขายจะ say no โวยวายเล่นใหญ่เป็นเรื่องปกติ อย่าได้ไปสนใจ ไม่ว่าจะอยากได้แค่ไหน ขอให้จงใจแข็งเข้าไว้แล้วเดินออกมาเลย
หันหลังออกมาไม่เกิน 2 ก้าวมายเฟรน มายเฟรน !!!เค้าจะตะโกนเรียกกลับไปทันที แล้วสุดท้ายมันก็จะเป็นของเราในราคา 300 นั่นแหละ
ใครไปอินเดียขอให้จำไว้วิธีนี้ ร้อยทั้งร้อย ยังไงก็ได้ผล
Red Fort
The emperors residence of Mughal dynasty for nearly 200 years, until 1856
Opening: 9:30 – 16:30 (Close Monday)
Ticket: ต่างชาติ 500 Rupees แต่ถ้ามี Thai Passport เหลือ 35 Rupees
ถ้าพูดให้เห็นภาพ Red Fort ก็น่าจะคล้ายๆ กับพระบรมมหาราชวังบ้านเราคือเป็นที่อยู่ของกษัตริย์ผู้ปกครองนคร เป็นที่ว่าราชการ ตั้งอยู่กลางเมืองมีความใหญ่โตกว้างขวาง แบ่งออกเป็นหลายชั้น หลายส่วน ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ และมีการขุดคูน้ำล้อมทั้งสี่ทิศ
Red Fort แห่งนี้เป็นพระราชวังของ ชาห์ เชฮัน พระเจ้าแผ่นดินในราชวงศ์โมกุลองค์เดียวกับที่สร้าง Taj Mahal พระเจ้าชาห์ ชะฮัน ทรงโปรดให้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2181และใช้เวลาสร้างนานถึง 10 ปี ถึงตอนนี้ก็มีอายุกว่า 350 ปีแล้ว และสาเหตุที่เรียกว่า Red Fort ก็เพราะว่าตัวป้อมปราการรอบนอก สร้างมาจากหินทรายสีแดง เค้าก็เลยตั้งชื่อง่ายๆ ว่า Red Fort ซะเลย
ที่นี่เคยถูกกองทัพเปอร์เซีย เข้ามาปล้นเอาทรัพย์สมบัติไปเป็นจำนวนมาก แล้วก็ถูกปล้นอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งสมบัติล้ำค่าเลยไม่เหลือให้เห็นสักเท่าไหร่ แต่ขนาดไม่มีสมบัติ ตัวอาคารต่างๆ ก็คือใหญ่โตกว้างขวางมาก และละเอียดลออมาก ดีเทลงานแกะสลัก งานปูนปั้นนี่คือละเอียดจนตาแตกกันไปเลย ใครชอบถ่ายรูป รับรองไม่ผิดหวัง
Jama Masjid
The largest Mosque in India
Opening: 7:00 – 12:00, 13:30 -17:30
Ticket: ค่าเข้าฟรี (+300 Rupees สำหรับกล้องถ่ายรูป)
Jama Masjid เป็นอีกหนึ่งสิ่งคู่บ้านคู่เมืองเดลลี อยู่คู่กับ Red Fort มาแต่ไหนแต่ไรเป็นสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และลานข้างหน้าก็สามารถจุคนได้มากถึง 25,000 คน
Jama Masjid สร้างโดยพระเจ้าแผ่นดินชาห์ ชะฮัน องค์เดียวกับที่สร้างทั้ง Red Fort และทัช มาฮาล ด้วยสร้างขึ้นด้วยหินทรายสีแดงและหินอ่อนสีขาว และใช้เวลาสร้างนานถึง 14 ปี
จาก Red Fort เรากวักเรียกสามล้อให้พาไปที่ Jama Masjid จริงๆ ระยะทางคือใกล้กันมาก เพราะแทบจะอยู่ตรงข้ามกันเลย แต่ก็ต้องผ่านตรอกซอกซอยและความวุ่นวายพอสมควรกว่าจะถึง ถือเป็นการทดลองนั่งสามล้ออินเดียแบบออริจินัล ที่จริงๆ แล้วน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาซะอีก
เสียดายที่ตอนที่เรามาถึง เค้าปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าแล้ว เพราะเค้าบอกว่าหลังห้าโมงครึ่งเป็นต้นไป จะเปิดให้สำหรับคนเข้าไปทำพิธีเท่านั้น แต่เราก็ตื๊อคุณลุงอินเดียหนักมาก บอกว่าขอเข้าไปถ่ายรูปข้างหน้าหน่อย ก็เลยได้ภาพบรรยากาศมาฝากกันพอหอมปากหอมคอเสียดาย ไม่ได้เห็นเลยว่าข้างในจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน
Humayun’s Tomb
The tomb of the Mughal Emperor Humayun
Opening: 6:00 – 18:00
Ticket: ต่างชาติ 500 Rupees แต่ถ้ามี Thai Passport เหลือ 30 Rupees
Humayun’s Tomb เป็นที่ฝังศพของกษัตริย์หุมายุน ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ที่สองของราชวงศ์โมกุลอันยิ่งใหญ่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1565 โดยสถาปนิกชาวเปอร์เชียและคุมการสร้างโดยมเหสีของกษัตริย์หุมายนเองถ้าใครสังเกตตามประวัติศาสตร์ กษัตริย์อินเดียจะชอบสร้างที่ฝังศพเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานความรักที่มีให้กับคู่ครองของตัวเอง ที่นี่ก็ด้วยเหมือนกัน
Humayun’s Tomb เป็นแบบอย่างสถาปัตยกรรมสไตล์โมกุลที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง และก็เป็นแบบอย่างในการสร้างทัชมาฮาลในเวลาต่อมา ด้วยภายในสุสานมีสวนที่ได้รับการจัดแต่งอย่างสวยงามและดูแลเป็นอย่างดี หลุมฝังศพของมเหสีต่างๆ ของกษัตริย์หุมายุน รวมทั้ง Haji Begun ที่เป็นคนสร้างที่นี่เองก็อยู่ภายในสุสานนี้ด้วย
เรามาที่นี่ในตอนเช้า ช่วงที่พระอาทิตย์เป็นใจสาดแสงสีทองลงมาพอดีประกอบกับตัวสถาปัตยกรรมที่มีความอินเดียแบบมินิมอลมองไปทางไหน ก็เลยสวยไปหมดสวยจนเราให้ Humayun’s Tomb เป็น My Favourite Place in Delhi เลยยยยย