Georgia First Time — ยกทั้งบ้านไปจอร์เจียครั้งแรก แบบไม่ง้อทัวร์
จอร์เจียที่เป็นประเทศ ไม่ใช่รัฐในสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญคือคนไทยไม่ต้องใช้วีซ่าก็เที่ยวจอร์เจียได้ถึง 360 วัน!
เมื่อปลายปี 2018 เราพาที่บ้านไปเที่ยวประเทศจอร์เจียมา ที่แค่บอกชื่อประเทศกับคนถาม ร้อยทั้งร้อยก็ถามต่อว่าอเมริกาเหรอ หรือไม่ก็ ฮะ!? ประเทศอะไรนะ ทำไมต้องพาที่บ้านไปที่ยากขนาดนี้ เลยจะมาเล่าให้ฟังถึงประเทศที่เราไปมาแล้วชอบมากกก ทั้งสวย ถูก คนนิสัยดี แถมประวัติศาสตร์ยังเข้มข้นยาวนานหลายมุม ให้ได้ฟังเพลินไปตลอดทริป
จอร์เจียที่เป็นประเทศไม่ใช่รัฐในสหรัฐอเมริกา มีรัสเซียเป็นพี่ใหญ่อยู่ทางด้านบน ขวาเป็นอาร์เมเนีย ล่างเป็นตุรกี และซ้ายติดกับทะเล Black Sea ถ้าจะบอกว่าที่นี่คือ Where Europe meets Asia and tomorrow mingles with yesterday ก็ไม่ผิดนัก เพราะเราจะสามารถเห็นความหลากหลายและความเข้มข้นของวัฒนธรรมได้เต็มไปหมดผ่านทางบ้านเรือน อาหาร และผู้คน
และก็ด้วยความเป็นรัฐกันชนแบบนี้นี่เอง ทำให้โดนคนนู้นคนนี้ผลัดเปลี่ยนมือกันมายึดเล่น ตั้งแต่สมัยเปอร์เซีย มองโกล อาหรับ เติร์ก ฯลฯ จนสุดท้ายต้องไปพึ่งโซเวียตมาช่วยขจัดการรุกราน กลายเป็นเมืองขึ้นของรัสเซียอยู่พักใหญ่ และเพิ่งมีการแยกประเทศออกมาเป็นจอร์เจียเมื่อปี พ.ศ.2534 นี้เอง
จอร์เจียแบบไม่ได้ Trek มันก็จะเข้มข้นไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าประมาณนี้
ใครโดนป้ายยาด้วย Landscape รัวๆ แต่กลัวเดินไม่ไหว แพลนนี่ตอบโจทย์มากแม่!
เพราะนี่พาแม่กับแฟนแม่(พ่อ)ไปข้ามทวีปมาแล้วจริงๆ ลุยหิมะจริงอะไรจริง จนต้องมาป้ายยาต่อ แบบไม่อยากให้ทุกคนพลาดด้วยประการทั้งปวง
แผนที่การเดินทาง
เริ่มต้นเดินทางประเทศจอร์เจีย ขอให้โฟกัสที่เมือง Tbilisi ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะที่นี่คือสนามบินและเมืองหลวงของประเทศนี้นี่เอง
ด้วยความเสียดายอยากเก็บให้ได้หลายๆ เมือง จะเห็นได้ว่าแพลนของเราลากยาวไปไกลหลายเมืองมากกกก ดังนั้นก็นั่งรถนานแหละ ทำใจไว้ตั้งแต่ต้นเรียบร้อยแล้ว
เริ่มต้นแลนด์ดิ้งที่ Tbilisi มุ่งหน้าไปเมืองทางซ้ายที่ไกลที่สุดอย่าง Mestia โดยแวะ Gori ก่อนระหว่างทาง แล้วค่อยกลับมาเก็บ Tbilisi กับเมืองที่อยู่ใกล้อย่าง Kakheti ในวันหลังๆ ก็เป็นอันปิดโร้ดทริปอย่างสมบูรณ์ โดยไม่ได้ trek ใดๆ นะจ้ะ มีแต่เดินฝ่าดงหิมะเล็กน้อยเท่านั้น สบายมะ5555555
แพลนเที่ยวจอร์เจีย
บอกก่อนว่าแพลนเราจะไม่ได้มีเวลาเที่ยวในเมือง Tbilisi มากนัก แลนด์ตอนกลางคืนปุ๊บ อีกวันขับรถไปต่างเมืองเลยทันที เรามีธงในใจว่ายังไงก็ต้องไปเมือง Mestia ให้ได้ แน่นอนว่าโดนหลอกด้วยรูปแลนด์สเคปเขียวๆ ตามเคย55555 ไม่ได้เช็คฤดูเช็คภูมิประเทศอะไรทั้งนั้นก็กดจองตั๋วยกแก๊งค์ เพื่อมาพบว่า เดือนธันวาคมมันเป็นฤดูหนาวจ้ะแม่ หนาวมากด้วย หิมะตกกันถล่มทลาย ถึงขนาดที่ว่าทัก Private Tour ไป 10 เลิกคุยกับเราไปซะ 8 เพราะไม่อยากขับฝ่าหิมะพาครอบครัวชาวไทยไป Mestia
Day 0: Arrive at Tbilisi, Night at Tbilisi (AirBnB: Casa Citadel)
วันแรกเราบินถึงจอร์เจียตอนกลางคืนปุ๊บ ก็เข้าที่พักเลยทันที
****ที่พักอันนี้ดีงามมากกกกก ไม่นับทางขึ้นโคดชัน ทุกอย่างคือเพอร์เฟค เป็นอพาร์ทเมนต์ราคาน่ารักแบบ AirBnB แต่ใช้ Facility ร่วมกับโรงแรม แถมวิวอลังการล้านแปดดวง ไม่มีเวลาเที่ยวเมืองก็ไม่ต้องกลัว เพราะวิวจากโต๊ะกินข้าวที่นี่กินเรียบ เห็นทุกอย่างจากมุมสูงประหนึ่งจุดชมวิว เพิ่มเติมคือทาน Breakfast สวยๆ ไปด้วยได้เลยจ้ะ เพราะวิวอยู่ข้างโต๊ะ
Day 1: Tbilisi – Uplistsikhe, Gori, Night at Zugdidi (Hotel: Iberia Palace Hotel)
วันนี้ไม่มีอะไรมาก ขับรถมุ่งหน้าไป Mestia อย่างเดียวเลย โดยแวะ Uplistsikhe และ Joseph Stalin Museum ก่อน จากนั้นจึงขับไปนอนที่ Zugdidi เป็นเมืองระหว่างทาง
Day 2: Zugdidi – Mestia, Night at Mestia (Hotel: Lileo)
ถึงเมือง Mestia แล้ววว ใครมา Mestia หน้านี้แนะนำรีบจองโรงแรมแต่เนิ่นๆ น้า เพราะพี่ยุโรปเค้านิยมบินมาเล่นสกีที่เมืองนี้กันอย่างคับคั่งจนทำให้ที่พักเต็มง่ายมากกก ส่วนโรงแรมนี้เน้นโฮมมี่ มีเตาผิงไฟ และอาหารเช้าแบบคุณลุงมาทำให้กิน ใครชอบสไตล์โรงแรมขอให้ข้ามไปจ้ะ
Day 3: Day Trip to Ushguli, Night at Mestia (Hotel: Lileo)
ยังคงอยู่ที่ Mestia แต่เมืองมันก็เล็กๆ แหละ ใครเคยไป Zermatt ที่สวิส สเกลเมืองขนาดคล้ายๆ แบบนั้นเลย ว่าแล้วคุณไกด์ก็เลยชวนไปต่อที่สกีรีสอร์ทและ Ushguli หรือหมู่บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยสูงที่สุดในยุโรปนั่นเอง
Day 4: Mestia – Tbilisi, Night at Tbilisi (Hotel: No12 Zichi Hotel)
วันนี้ขับตรงดิ่งรวดเดียวจาก Mestia กลับ Tbilisi มีแวะถ่ายรูปข้างทางกับกินข้าวเป็นพักๆ อพาร์ทเมนต์โรงแรมใน Tbilisi ครั้งนี้อยู่ฝั่งเมืองใหม่แล้วน้าา ทางเข้าอาจดูลึกลับหน่อย แต่ทำเลดีเลย และห้องใหญ่มากกกกก
Day 5: Day Trip to Kakheti, Night at Tbilisi (Hotel: No12 Zichi Hotel)
ตอนแรกวันนี้ก็กะจะไป Kazbegi เหมือนกับที่ทุกคนไปกันน่ะแหละ แต่เผอิญว่า 4 วันที่ผ่านมาเราค่อนข้างอิ่มกับวิวหิมะพอตัว เลยตัดสินใจเอาใจพ่อด้วยกันเปลี่ยนแพลน พาไปชิมไวน์ฝั่ง Kakheti ซะเลย 5555
Day 6: Tbilisi, Fly back to BKK
เราบินไฟลท์บ่าย ครึ่งเช้าเลยมีเวลาเดินเล่นสำรวจเมืองอีกเล็กนห้อย ก่อนจะพบว่าวันปีใหม่แทบไม่มีร้านอะไรเปิดเลยจ้ะพี่จ๋า คนจอร์เจียเค้าฉลองปีใหม่นานกันเป็นสัปดาห์ถึงวันที่ 6 มกราคม ไปเล่ยยย ร้านปิดกันเป็นแถบๆ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
• ค่าเครื่องบิน: 25,000 บาท ไม่มีบินตรง Bangkok-Tbilisi นะต้องเปลี่ยนเครื่อง ถูกกว่านี้ก็มี เห็นโปรมารัวๆ ไม่ถึง 20,000 แต่เรายอมจ่ายแพงหน่อยเพื่อสุขภาพหลังของผู้ใหญ่ที่บ้าน5555 นั่ง Air Astana เป็นสายการบินของคาซัคสถาน 4-5 ดาว บริการดี เครื่องใหญ่ ได้ช็อคโกแลตวันปีใหม่ด้วย
• ค่า Private Tour: 30,000 บาท สำหรับ 5 คน ทริป 6 วัน รวมขับรถให้ตลอดทริปและเป็นไกด์พูดภาษาอังกฤษด้วย (ไม่รวมทิปไกด์) เราหาใน tripadvisor มีเยอะมากกก เพราะการท่องเที่ยวเค้าบูมสุดๆ
• อาหารการกิน: ถูกกว่ากินอาหารตามห้างในกรุงเทพฯ แต่อิ่มหนำ จัดเต็ม และถูกปากมากๆ ทุกมื้อ
• ที่พัก: ราคาหลากหลายมากๆ ตั้งแต่ 600-1,000 บาท++ ตัวเลือกเยอะ AirBnb สวยๆ แยะ
• การเดินทาง ถ้าไม่มีรถขับจะลำบากหน่อย เพราะขนส่งมวลชนยังไม่ค่อยครอบคลุม
• ค่าเงิน: Lari (ลารี่) 1 ลารี่ ประมาณ 12 บาท
TBILISI (თბილისი)
Tbilisi หรือทบิลิซิ คือ เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ภูมิอากาศของที่นี่ค่อนข้างอบอุ่นเลยทำให้เหมาะสมกับที่อยู่อาศัยจนกลายเป็นแหล่งรวมประชากรอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ในเมืองมีแอบแบ่งโซนย่อยๆ เป็นเมืองเก่าเมืองใหม่ คล้ายๆ เกาะรัตนโกสินทร์ของที่บ้านเรา ถ้าอยากพักในเมืองให้มองหาถนน Rustaveli หรือถ้าอยากพักโซนเมืองเก่าก็เน้นดูคีย์เวิร์ด Narikala Fortress ได้เลย เมืองเก่าจะอยู่สูงขึ้นไปนิดนึง เหมาะแก่การนั่งกระเช้าขึ้นไปชมวิวเป็นที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ได้นั่งจ้า เพราะโรงแรมคืนแรกเราอยู่ติดกับป้อม Narikala เลย วิวอาหารเช้าเต็ม 10 แบบสวยๆ
Landmark สำคัญต่างๆ
• Peace Bridge สะพานข้ามแม่น้ำกลางเมืองสุดล้ำ
• Narikala Fortress ป้อมเมืองเก่า เป็นที่สังเกตการณ์เมืองได้รอบจากบนที่สูงเลย
• Cable Car กระเช้าท่องเที่ยวแหละ เอาไว้ขึ้นไปชมวิว
• Statue Mother of Georgia สัญลักษณ์สำคัญประจำที่นี่เลย
• Sulphur Bath กำมะถันบำบัด ซาวน่าด้วยซัลเฟอร์วนไปจ้า
ส่วนสนามบินอยู่ห่างจากเมืองไปประมาณ 30 นาที มีทั้งรถประจำทางและแท็กซี่วิ่งเข้าเมือง เผื่อเวลารถติดด้วยนิดนึงน้า เวลาติดก็ติดเอาเรื่องไม่ต่างจากบ้านเราเลย (ของเราขาเข้าเมืองเราให้อพาร์ทเมนต์จองรถให้ ราคาไม่ต่างกันมาก ส่วนขากลับคุณไกด์ไปส่งจ้า)
UPLISTSIKHE (უფლისციხე)
เมืองถ้ำหินที่มีชื่ออ่านยากๆ นี้ ออกเสียงได้ประมาณว่า อุพ-ลิซ-สิ-เค่ (พยายามออกเสียงตามไกด์) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Mtkvari มีมานานมากกว่า 3,000 ปีมาแล้วนะ แถมได้รับการเสนอชื่อเป็นมรดกโลกของ UNESCO มาตั้งแต่ปี 2007 อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งชุมชนและสถานที่เผยแพร่ศาสนาคริสต์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของชาวจอร์เจียเลยทีเดียว
ภายในบริเวณเมืองหินนี้ ก็จะมีการแกะสลักถ้ำเป็นการใช้งานต่างๆ เช่น โรงละคร โบสถ์ ห้องเก็บไวน์ และสถานที่ประทับของกษัตริย์ในยุคนั้น เห็นพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตขนาดนี้ จริงๆ แล้วเล็กกว่าครึ่งหนึ่งของขนาดเมืองจริงซะอีก เพราะที่นี่เคยถูกรุกรานด้วยชาวมองโกลมาก่อน
การเดินทางมาที่นี่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักซื้อ Day Tour มาจากเมือง Tbilisi แต่ของเราที่เป็นทางผ่านไปที่ Mestia อยู่แล้ว เลยขับมาแวะสบายๆ ไม่ไกลจากเมือง Gori มากนัก ไฮไลท์ของที่นี่นอกจากจะได้เห็นความเป็นอยู่ของชาวจอร์เจียในยุคโบราณ พร้อมหลุมไวน์ต่างๆ แล้ว อย่าลืมหันกลับมามองวิวที่อยู่ด้านล่างด้วยล่ะเพราะสวยไม่แพ้กับประวัติศาสตร์ที่อยู่รอบๆ เลย
Joseph Stalin Museum (სტალინის მუზეუმი)
ประเทศจอร์เจียตามประวัติศาสตร์แล้วเคยเป็นหนึ่งในโซเวียตมายาวนาน เรียกได้ว่าคนรุ่นแม่ๆ ยายๆ พูดรัสเซียได้คล่องปรื๋อกันทุกคน และโจเซฟ สตาลิน หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แห่งสหภาพโซเวียต จริงๆ แล้วมีภูมิลำเนาเป็นคนจอร์เจียด้วยนะ
ในมิวเซียมแสดงเรื่องราวของสตาลินตั้งแต่วัยเด็ก ไปจนถึงแต่ละช่วงชีวิตของเขา (ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ได้เข้าไปหรอก เพราะปิดปีใหม่) อ้างอิงตาม Lonely Planet เค้าว่าไว้ว่าข้างในก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักนับตั้งแต่ตอนที่สร้างเสร็จ สตาลินในมุนหนึ่งอาจเป็นผู้นำคอมมิวนิสต์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นทั้งที่ชังและที่รักของชาวจอร์เจียทั่วประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธเลยไม่ได้ก็คือ ชื่อเสียงของสตาลินดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนเมือง Gori เมืองเล็กๆ แห่งนี้ได้มากมายมหาศาล ใครอยากได้ของที่ระลึกกลับบ้าน ทั้งจาน ชาม หมวก โปสการ์ด รูปใบหน้าของสตาลินก็กลายเป็น Mascot ประจำเมืองไปเรียบร้อยแล้วนะตอนนี้
MESTIA (მესტია)
Mestia ตั้งอยู่ในแคว้น Svaneti ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นภูเขาปลีกวิเวกและผู้คนมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากก ด้วยความที่ประเทศจอร์เจียประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายกลุ่ม ชาว Svaneti บางคนก็จะไม่ได้อินกับความเป็นชาติจอร์เจียขนาดนั้น บางทีก็มีจลาจลอยากขอแยกตัวอยู่เหมือนกัน ถึงขั้นมีแคมเปญ Free Svaneti แบบชั้นขออยู่ของชั้นคนเดียวเลยย
แล้วเมือง Mestia มาฮิตสุดๆ เอาตอนไหน? ช่วงปี ค.ศ. 2000 กว่าๆ มีรัฐบาลเข้ามาใหม่ด้วยวิสัยทัศน์ Tourism นำ ได้อัดฉีดเงินขั้นสุดเข้า Mestia ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ Svaneti เพื่อหวังซื้อใจประชาชน งานนี้ทางหลวง ป้ายรถเมล์ และสกีรีสอร์ทมาเต็มจ่ะ พร้อมสโลแกนว่า ‘สวิสแห่งจอร์เจีย’
ส่วนสถานการณ์ในปัจจุบัน เรียบร้อย สงบสวยงามดี มีซากป้อมปราการยิงศัตรูอยู่เล็กน้อย แต่ไม่ได้ใช้ยิงใคร เอาไว้ขึ้นไปดูวิว5555 หน้าร้อนคนชอบไปเดินTrekking หน้าหนาวคนชอบไปเล่น Ski กัน เพราะถูกกว่าฝั่งยุโรปมากกกก
USHGULI (უშგული)
Ushguli หรือเมืองจิ๋วที่ซ่อนตัวอยู่บนภูเขาสูงนี้ แทบเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุดในทวีปยุโรป ประกอบไปด้วย 4 หมู่บ้าน และป้อมปราการแบบชาว Svaneti ดั้งเดิมกว่า 20 ป้อม ในหน้าร้อนจะอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวและลำธาร สวยเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย ส่วนหน้าหนาวก็ขาวโพลนและอิงแอบแนบชิดอยู่กับภูเขาหิมะสูงจนเหมือนจะจรดกับขอบฟ้าแค่เอื้อมมือ
หลายคนนิยมแพลน Day Trip มาจาก Mestia ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงกว่า ด้วยสภาพถนนที่ไม่ได้เอื้ออำนวยนัก เรียกสั้นๆ ว่าดิบนั่นเอง มีรูทให้เลือก Trek อยู่หลายอันเลยทีเดียวในหน้าร้อน ซึ่งแน่นอนว่าถ้ามาหน้าหนาวอย่างเรา แค่ขับรถฝ่าหิมะมาได้จนถึงหมู่บ้านนี้ ก็ตื่นเต้นมากพอแล้วจ้ะพี่จ๋า มันแอดเวนเจอร์มากจริงๆ
Kakheti (კახეთი)
จริงๆ Kakheti ไม่ได้เป็นเมือง แต่เป็นภูมิภาคอารมณ์อีสานบ้านเราอะไรแบบนั้น นอกจากจะมีประวัติศาสตร์งดงามตามพิมพ์นิยมประเทศจอร์เจียแล้ว ที่นี่ยังโด่งดังขั้นสุดด้านคุณภาพของไวน์ กลายเป็นหน้าที่หลักของคุณลูกแบบเราที่ต้องเอาใจพ่อพาไป Wine Tasting ครั้งหนึ่งในชีวิตถึงที่โรงงานต้นตำรับเลยละกัน
• Gombori Pass
ก่อนจะไปถึงน้ำเมา คุณไกด์พาเราแวะที่จุดชมวิวตรง Gombori Pass ก่อน ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่า ถนน Highway พาดผ่านภูเขาระหว่างทางก่อนถึงเมืองถัดไป แต่จะมีกระท่อมเล็กจิ๋ว ให้เราได้นั่งจิบชาร้อนๆ พร้อมมองวิวหิมะจากข้างหน้าต่างไปพร้อมกัน กิมมิคสุดน่ารักก็คือถ้ามองขึ้นไปบนเพดานไม้ของกระท่อมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก แปะแบงค์ของตัวเองเช็คอินไว้! (แน่นอนว่าชาวไทยอย่างเราก็ขอแปะแบงค์สีเขียวเข้าไปเพิ่มอีกใบนึง) แถมคุณลุงอิสราเอลที่นั่งอยู่โต๊ะติดกันเล่าว่าเค้ามาที่นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้ว อย่าลืมแวะมาอีกทีหน้าร้อนนะ เพราะหิมะตรงนี้จะบานสะพรั่งยิ่งกว่าทุ่งดอกไม้เสียอีก
• KVARELI
พูดตามตรงก็คือไม่ได้มาทำอะไรที่นี่เลยนอกจาก Wine Tasting ชิมไวน์สลับกับเยี่ยมชมโรงงานไวน์นั่นเองจ้ะ ส่วนราคาดีแค่ไหน พูดได้แค่ว่าที่บ้านใช้โควต้าแบกน้ำเมากลับบ้านจนครบกระเป๋าของคนในครอบครัว แถมยังชื่นชมมาจนถึงทุกวันนี้แม้ไวน์จะหมดไปนานแล้วก็ตาม
• Signagi
เมืองสุดโรแมนติกที่อยู่บนหน้าปกของอัลบั้มจอร์เจียนั่นเอง จากเมืองนี้เราสามารถมองเห็นวิวของเทือกเขา Caucasus ได้โดยรอบ ทำเมืองนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ถ้ามีเวลาจะมานอนค้างที่นี่สักคืนก็น่าจะสบายอยู่ไม่น้อย เสียดายเรามีโอกาสได้ถ่ายรูปแค่แปปเดียวพระอาทิตย์ก็ตกดินพอดี เก็บรูปพอเป็นบรรยากาศเบาๆ มาฝากละกันเนอะ 🙂
1 comment