City Song
ชวนมาฟังเพลงที่ทำให้เราได้เที่ยวไกลไปยังต่างเมืองกัน
เราเชื่อว่าช่วงปลายปีแบบนี้หลายคนคงอยากเดินทางไปฉลองคริสต์มาสปีใหม่ที่ต่างประเทศกันอยู่แน่ๆ แต่ด้วยสถานการณ์ที่ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ คงทำได้แค่เที่ยวผ่านเพลงกันไปก่อนนี่ละเนอะ
ชวนมาฟังเพลงที่ขึ้นต้นด้วยชื่อเมืองต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกกัน ทั้งปารีส ออสเตรเลีย อเมริกา เนเธอร์แลนด์ สเปน ฟังแล้วน่าจะได้กลิ่นอายของเมืองนั้นๆ ช่วยให้คลายความคิดถึงบรรยากาศในต่างประเทศไปได้บ้าง
อยากไปเที่ยวที่ไหน ก็หยิบหูฟังมาใส่ แล้วกดฟังเพลงในเพลย์ลิสต์ตามได้เลย : )
▪︎ ฟัง City Song Pt.1 : https://bit.ly/gogetlost-City-Song-Part1
▪︎ รวม Playlist ไว้ให้ฟังกันยาวๆ : https://bit.ly/gogetlost-city-song
• Malibu Nights – LANY
“I drive circles under street lights
Nothing seems to clear my mind
I can’t forget”
(https://youtu.be/g5xxhaKm1RQ)
แค่ทำนองขึ้น เชื่อว่าหลายๆ คนคงเดาได้ไม่ยากว่าเพลงนี้เป็นเพลงเศร้าสำหรับคนไม่ move on นั่นเอง ซึ่งนอกจาก Malibu ในชื่อ Malibu Nights จะหมายถึงนครริมชายหาดทางตะวันตกของลอสแอนเจลิสแล้ว ยังเป็นชื่อยี่ห้อเครื่องดื่ม Cocktail สุดฮิต เพลงนี้เลยอาจจะแปลความหมายได้ว่า เป็นช่วงเวลาในมาลิบูนี่แหละที่ช่วยให้ทำให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เสียใจไปได้ หรือไม่ก็เป็นค่ำคืนของการดื่ม ‘Malibu’ ให้หลับไปในแต่ละคืน เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวด
สำหรับคอเพลงอินดี้คงไม่พลาด LANY อยู่แล้ว แต่ถ้าใครกำลังอินอยู่ในอารมณ์เดียวกันกับเพลงคงเศร้าไม่น้อยเลยทีเดียว
• Australia Street – Sticky Fingers
“It was a real sunny we were chilling in the land
Of the Camperdown park nobody had a frown
Reminiscing on the days when we used to have a blaze
Everybody came around and we laxed out on the laze”
(https://youtu.be/TETVNH3k8Ag)
เพลงนี้เหมาะสำหรับคนที่คิดถึงช่วงเวลาการเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศออสเตรเลียเป็นที่สุด เพราะตั้งแต่เสียงนักร้องขึ้นก็คือ สำเนียงออสซี่มาหนักๆ เลย (วงนี้มาจาก Sydney) เรียกได้ว่าเป็นการ capture the moment and culture of Australia ได้ดีสุดๆ
เพลงนี้ชวนให้นึกถึงบรรยากาศชีวิตประจำวันทั่วไปในเมืองออสเตรเลีย ช่างเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ สามารถกระโดดโลดเต้นไปตามเสียงเพลงได้อย่างอิสระ และค่ำคืนจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เป็นเวลาที่ดีที่ชวนให้กลับมานึกถึงทุกครั้ง
ยิ่งถ้าได้ดู MV จะเห็นภาพชัดมาก เพราะไปถ่ายทำตรงถนนที่ชื่อ Australia Street ซึ่งอยู่ใกล้กับ Camperdown park จริงๆ เห็นทั้งคน ทางเดิน สถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน ร้านค้าต่างๆ ด้วย
ถ้าใครชอบดนตรีที่มีกลิ่นอายเรกเก้ชัดๆ ล่ะก็ Sticky Fingers เลย ลองไปหาฟังกันดู : )
• Paris In The Rain – Lauv
“Cause anywhere with you feels right
Anywhere with you feels like
Paris in the rain
Paris in the rain”
(https://youtu.be/kOCkne-Bku4)
ปารีสขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความโรแมนติก จนเคยมีคนบอกว่าไม่มีฝนไหนโรแมนติกเท่าฝนที่ปารีส จนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปารีสถึงเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายๆ คน : )
เช่นเดียวกันกับเพลงนี้ที่เปรียบเทียบว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนกับคนรักก็โรแมนติกเหมือนปารีสในสายฝน ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม เขินตามเพลงนี้ทุกทีสิน่า เป็นเพลงที่เหมาะมากสำหรับส่งไปให้คนสักคนฟัง คนที่จะทำให้รถติดในกรุงเทพฯ เป็นเหมือนปารีสในวันที่ฝนตก
• Theme from New York, New York – Frank Sinatra
“New York, New York
I want to wake up in a city that never sleeps
And find I’m a number one, top of the list,
King of the hill, a number one”
(https://youtu.be/le1QF3uoQNg)
ฟังเพลงแล้วบรรยากาศชวนให้นึกถึงบาร์ Jazz ขึ้นมาเบาๆ เรียกได้ว่าเป็นเพลงดังในยุค 80 ของแฟรงก์ ซินาตราเลยล่ะ
ในเพลงนี้พูดถึงคนคนหนึ่งที่อยากตื่นขึ้นมาในนิวยอร์ก แล้วเป็นคนที่ประสบความสำเร็จที่สุด เป็นคนที่เจ๋งที่สุดที่อยู่ในแสงสปอร์ตไลท์ โดยมีแบคกราวน์เป็นนิวยอร์ค มหานครแห่งความฝัน ที่ไม่ว่าฝันอยากเป็นอะไร หรืออยากทำอะไร ก็สามารถลงมือทำได้ทันที จนใครๆ ก็ยกให้เป็นมหานครที่ไม่มีวันหลับใหลนั่นเอง
ถ้าแปลเป็นมีมตลกๆ เพลงนี้คงเหมือนกับประโยคที่เราพูดกันบ่อยๆ ว่า ‘อยากตื่นมาแล้วรวยเลย’ อะไรแบบนั้น
เป็นอีกเพลงที่เรามักหยิบมาฟังอยู่บ่อยๆ เลยล่ะ ยิ่งถ้าฟังกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วยแล้ว จะยิ่งได้อารมณ์เข้าไปอีก : )
• Streets of London – Ralph McTell
“Have you seen the old dear who walks the streets of London.
Dirt in her hair and her clothes in rags
She’s no time for talking, she just keeps right on walking”
(https://youtu.be/DiWomXklfv8)
พ่อเปิดเพลงนี้ให้เราฟังสมัยเด็กๆ จำได้ว่าฟังตอนนั้นก็เป็นเพลงที่เพราะมากเพลงหนึ่งเลย จนยังเปิดฟังอยู่จนถึงตอนนี้
ตอนเด็กเราฟังโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาฟังตอนโตถึงได้รู้ว่าเพลงสะท้อนปัญหาสังคมของอังกฤษ พูดถึงคนไร้บ้าน คนจรจัดตามถนนในกรุงลอนที่ใ้ช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย เรียกว่าเป็นการให้กำลังใจกับคนที่กำลังคิดว่าชีวิตตัวเองนั้นตกต่ำและอ้างว้าง ว่าจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายคนที่เขาลำบากกว่าเรานั่นเอง
ใครอยากลองหาเพลงเก่า เพราะๆ ความหมายดีฟัง แนะนำเพลงนี้เลย
• Hotel California – Eagles
“Welcome to the Hotel California
Such a lovely place (such a lovely place)
Such a lovely face”
(https://youtu.be/EqPtz5qN7HM)
เพลงสุดอมตะของวง Eagles ที่พูดถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ไปพักโรงแรมผีสิงแห่งหนึ่งในแคลิฟอเนียร์ แต่ก็ต้องเผ่นออกมากลางดึกเพราะโดนผีหลอก
เหมือนจะเกี่ยวกับเรื่องผีๆ ใช่ไหม แต่มีคนวิเคราะห์ว่าเพลงนี้เขียนขึ้นมาเพื่อเสียดสีวงการเพลงในสหรัฐอเมริกาในยุค 70 ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของเพลงตกต่ำ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ การเอาเปรียบต่างๆ ของค่ายเพลง รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีผลกับวงการเพลงในยุคนั้น
เรียกว่าแต่งเพลงออกมาได้มีความหมายลึกซึ้งและแยบยลมากๆ : )
• Hello Seattle – Owl City
“Hello Seattle, I am a manta-ray
Deep beneath the blue waves
I’ll crawl the sandy bottom of Puget
Sound and construct my summer home”
(https://youtu.be/7uvc46jujn8)
เพลง Hello Seattle เป็นเพลงที่เราชอบที่สุดของ Owl City เลย เพลงจังหวะสนุกๆ ที่พูดถึง การมาที่เมืองซีแอตเทิล เมืองเล็กๆ ในรัฐวอชิงตันที่อยู่ติดกับประเทศแคนาดา ไม่ว่าจะเป็นการมาเยือนของนักปีนเขา นกอัลบาทรอส หรือพระจันทร์เสี้ยว ช่างเป็นการมาถึงเมืองที่น่ารัก น่าชังเหลือเกิน : )
• Kentucky – Billie Joe Armstrong & Norah Jones
“Kentucky
You are the dearest land outside of Heaven to me
Kentucky
I miss your laurels and your redbud trees”
(https://youtu.be/RPgZ0mWMByA)
ในเพลงนี้พูดถึงรัฐเคนทักกี ซึ่งเป็นรัฐที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาว่าเป็นที่ที่อยู่แล้วเหมือนได้อยู่บนสวรรค์ และที่เคนทักกีนี้เองก็มีพ่อแม่และคนรักให้รอกลับไปอยู่เสมอ : )
เมื่อพูดถึงเคนทักกีหลายคนคงนึกถึงไก่ทอด KFC กันอย่างแรก ที่เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงด้านการแข่งม้า ต้นกำเนิดของเหล้าเบอร์บอน และดนตรี Bluegrass หรือดนตรีที่ผสมระหว่างคันทรี่ บลูส์ และ แจ๊สด้วย เรีนกว่าเป็นอีกรัฐเล็กๆ ที่มีเสน่ห์และน่าลองไปเยือนสักครั้งเมื่อไปสหรัฐอเมริกาเลยล่ะ
• Honolulu City Lights – Keola and Kapono Beamer
“Each time Honolulu city lights
Stir up memories in me.
Each time Honolulu city lights
Bring me back again”
(https://youtu.be/ouzbwVWdaN0)
เมืองโฮโนลูลู เป็นเมืองหลวงของรัฐฮาวาย เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในฮาวาย นอกจากนั้นคำว่า “โฮโนลูลู” มีความหมายว่า “อ่าวแห่งความสงบ” อีกด้วย แต่ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวของฮาวายไปแล้ว
ในเพลงนี้บรรยายถึงอารมณ์ความรู้สึก ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต้องจากเมืองโฮโนลูลูไป เพราะเมืองนี้เป็นเกาะในฝัน ทุกครั้งที่เมืองโฮโนลูลูส่องสว่างก็อยากจะกลับมาที่เมืองนี้อยู่เสมอ
เป็นเพลงที่จังหวะช้าๆ แต่ความหมายอบอุ่นมาก ลองไปหาฟังกันดูนะ
• Living in Chicago – Bee Gees
“If you’re living in Chicago,it’s your home
If you’re living in Chicago, you’re alone”
(https://youtu.be/9bQLmSPIuy0)
บีจีส์วงดนตรีของสามพี่น้องจากเกาะอังกฤษ ที่มีเพลงดังๆ หลายเพลง อย่าง How Deep Is Your Love, Stayin’ Alive, Too Much Heaven และ Alone หนึ่งในเพลงที่เราชอบอีกเพลงคือ Living in Chicago ที่พูดถึงชิคาโก้ว่าต่อให้การอยู่ที่นี่จะเหงาแค่ไหน แต่ยังไงชิคาโก้ก็ยังเป็นบ้านของคุณอยู่ดี
แม้ในเพลงจะบอกว่าการอยู่ที่ชิคาโก้จะเหงาไปสักหน่อย แต่หลายๆ คนก็ยกให้เมืองนี้เป็นอีกเมืองที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นเมืองที่อากาศดีตลอดทั้งปี มีชีวิตชีวาและน่าตื่นตาตื่นใจจากสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงมากมาย โรงละคร และประติมากรรมที่ตั้งอยู่รอบเมือง
นอกจาก Living in Chicago แล้ว Bee Gees ก็ยังมีเพลงที่ขึ้นต้นด้วยชื่อเมืองอีกเพลงอย่าง Massachusetts ด้วย เพลงเพราะ ความหมายดีเหมือนกัน
• Meet Me in Amsterdam – RINI
“If there is a next time
If there is a next time
Meet me in Amsterdam
Meet me in Amsterdam”
(https://youtu.be/FhCuoJuHwQA)
เป็นอีกหนึ่งเพลงของ RINI ที่เราชอบมากๆ ทั้งทำนองที่เป็นไปอย่างช้าๆ และความหมายของเพลงที่ฟังแล้วอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
ท่อนสุดท้ายของเพลงที่บอกว่า “หากเราได้พบกันอีกครั้ง เราไปเจอกันที่อัมสเตอร์ดัมนะ” ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงต้องเป็นอัมสเตอร์ดัม เพราะว่าที่นี่เป็นเมืองหลวงแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพที่เหมาะอย่างยิ่งกับการออกมาเดินเล่น ปั่นจักรยาน พายเรือสำรวจเมือง และยังมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ให้ได้ชมตลอดทาง เรียกว่าถ้าได้มาใช้ชีวิตด้วยกันที่นี่กับคนรักก็คงโรแมนติกไม่น้อยเลยล่ะ : )
• Barcelona – Ed Sheeran
“We’re going somewhere where the sun is shining bright
Just close your eyes
And let’s pretend we’re dancing in the street
In Barcelona”
(https://youtu.be/OVO4LhrOFiY)
บาร์เซโลน่า เป็นเมืองเก่าแก่และมีความสำคัญในประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และขึ้นชื่อสถาปัตยกรรมสวยๆ ระดับโลกมากมาย รวมถึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและอาหารการกินอีกด้วย เป็นอีกเมืองที่ถ้าใครได้มาเยือนที่สเปนจะต้องตกหลุมรักในสีสันและความหลากหลายของวัฒนธรรมที่นี่แน่นอน
ด้วยความที่บาร์เซโลน่าเป็นเมืองที่โด่งดังและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเพลง Barcelona ของ Ed Sheeran ถึงมีจังหวะเพลงสนุกๆ ตามบรรยากาศของเมืองไปตลอดทั้งเพลง แถมยังชวนให้ปิดตาแล้วเต้นไปตามถนนในท่อน ‘Let’s pretend we’re dancing in the street in Barcelona
• Sweet Home Alabama – Lynyrd Skynyrd
“Sweet home Alabama
Where the skies are so blue
Sweet home Alabama
Lord, I’m coming home to you”
(https://youtu.be/ye5BuYf8q4o)
เพลงจังหวะสนุกๆ เกี่ยวกับการกลับบ้านที่รัฐอลาบามา รัฐที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา ในเนื้อเพลงรอคอยการกลับบ้านไปยังอลาบามาที่ซึ่งเป็น “Sweet Home” ฟังแล้วเห็นภาพว่ากำลังขับรถจากตัวเมืองที่มีตึกสูงระฟ้ากลับบ้านเกิดในชนบท ที่เงยหน้าขึ้นไปก็มองเห็นท้องฟ้าสดใส มองออกไปก็เห็นต้นไม้เขียวๆ แสนชื่นใจ
ใครกำลังคิดถึงบ้าน ลองหาเพลงนี้มาฟังกันดู น่าจะช่วยบรรเทาอาการคิดถึงบ้านไปได้บ้าง
• In Seoul – Epik High (에픽하이) Feat. Sunwoo JungA
“I’m sleepless in Seoul
또 밤새 뒤척이고 있다
불안한 생각들과 후회들이
내 방안에 모여든다”
(https://youtu.be/S9gKwEBXZLI)
ใครเป็นแฟน Epik High เหมือนกันบ้าง?
Epik High เป็นวงแนวอัลเทอร์เนทีฟ-ฮิปฮอปแนวหน้าของเกาหลีใต้เลย ส่วนตัวเราชอบอัลบั้ม sleepless in ___ นี้มากๆ เพราะเพลงค่อนข้างฟังง่าย ฟังสบายขึ้นมาหน่อย
ในอัลบั้มนี้มีเพลง In Seoul ที่พูดถึงคนคนหนึ่งที่นอนไม่หลับอยู่ในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ได้แต่กังวลใจและเสียใจอยู่ในความเงียบสงบของความวุ่นวายของเมืองนี้
เป็นอีกเพลงที่ฟังแล้วรับรู้ถึงความเดียวดาย โดดเดี่ยว ปัญหาชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่เลยล่ะ ถ้าใครกำลังหาเพลงอินดี้แรปฟังสบายสไตล์เกาหลีฟัง ก็ขอแนะนำวงนี้เลย : ) ❖