ใครมาบอกตอนนี้ว่าจีนไม่เก๋ ไม่เดิร์น ขอเถียงขาดใจ แปลว่าเธอยังไม่ได้ไปอัพเดตมาน่ะสิ
.
จีนในตอนนี้บ้านเมืองสวยงาม สะอาดสะอ้าน และน่าเที่ยวกว่าแต่ก่อนเยอะมากกกกกก จะชอบแนวประวัติศาสตร์หรือทันสมัย พี่จีนสามารถจัดให้ได้ครบทุกแบบ
ทั้งห้องสมุดสุดล้ำฝีมือสถาปนิกระดับโลก บ้านเมืองสุดยุโรปที่เทียนจิน หรือจะอินกับสมบัติของชาติอย่างกำแพงเมืองจีนและพระราชวังต้องห้าม ก็จงไปจ้ะ
แล้วจะรู้ซึ้งกับคำว่า ‘ประเทศมหาอำนาจ’ นี่เขาไม่ได้ตั้งให้เล่นๆ เด้อ 😂
รายชื่อสถานที่ที่เราไปมาเป็นตามนี้เลยนะ
• Tianjin City: บ้านเมืองสวยงามทันสมัยคล้ายสิงคโปร์ มองบางมุมก็เหมือนยุโรปอยู่นะเออ
• Tianjin Binhai Library: ของดีเมืองเทียนจิน ห้องสมุดสุดล้ำ ดีกรีการออกแบบจากสถาปนิกระดับโลก แถมถ่ายรูปขึ้นมาก
• Dule Temple: วัดเก่าแก่ของเมืองเทียนจิน ที่ภายในมีเจ้าแม่กวนอิมทำด้วยดินเหนียว ความสูงเท่าตึกสามชั้น
• Great Wall of China ด่านหวงหยากวน: กำแพงเมืองจีนแบบคนโล่งๆ ที่เทียนจิน
• Forbidden City: พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง
• Summer Palace: พระราชวังฤดูร้อนแห่งเมืองปักกิ่ง
.
ถามว่าทำไมไม่ไปปักกิ่งเลย ก็เพราะว่าไม่อยากให้พลาดมุมถ่ายรูปปังๆ ในเทียนจินน่ะสิ แถมตอนนี้ AirAsia เค้าก็มีบินตรงไปลงที่เทียนจินด้วยยยย ลงเทียนจินปั๊ปก็นั่งรถไฟความเร็วสูงไปปักกิ่งได้เลย 30 นาทีเท่านั้น ในราคาประมาณ 300 บาทเองแกร๊!
***ดอกจันไว้ว่าอยากให้ไปลองรถไฟความเร็วสูงมากกก ระยะทางประมาณกรุงเทพฯ-หัวหินที่ปกติขับรถกัน 3 ชม.อะ นี่ครึ่งชม.เท่านั้น ยังไม่ทันได้หลับเลยแม่555
ใครสายถ่ายรูป บอกเลยว่าไปที่ Tianjin Cultural Center ก็คือคุ้ม ได้ถ่ายทั้งตึกสีแดง facade เท่ๆ หรือจะเดินไปถ่ายกับชั้นหนังสือของ Tianjin Binhai Library ก็ยังได้
Tianjin City — เมืองเทียนจิน
เมืองจีนสุดโมเดิร์นที่บางมุมก็คล้ายสิงคโปร์ บางมุมก็ดูคล้ายยุโรปนี้ มีดีกรีเป็นถึงเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศเลยทีเดียว เมืองเทียนจินเป็นเมืองท่าค้าขายเก่าแก่ที่อยู่คู่กับจีนมาช้านาน ด้วยความที่มีอาณาเขตติดต่อกับแม่น้ำ ตึกรามบ้านช่องและถนนหนทางเลยมีการวางผังเมืองตามแนวแม่น้ำเป็นหลัก
สาเหตุที่เทียนจินมีสภาพบ้านเมืองหน้าตาละม้ายคล้ายตะวันตกแบบนี้ ก็เนื่องมาจากการที่จีนพ่ายแพ้ให้แก่สงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์โลกนั่นเอง เมืองเทียนจินกลายสภาพมาเป็นเมืองท่าการค้าเสรีจากนานาประเทศในเหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย อเมริกา ทุกคนต่างก็บุกมาเยี่ยม มาทำการค้ากันอย่างอิสระ ถึงขนาดมียุคทองของเมืองเทียนจินที่เฟื่องฟูสุดๆ ไปด้วย ไนท์คลับ แกลเลอรี่ โรงภาพยนตร์ จนกระทั่งถูกขนาดนามว่าเป็น “Jazz Age” กันเลยทีเดียว
ถ้าใครได้ลองเดินเล่นไปในย่านประวัติศาตร์ของเมืองเทียนจิน หลายๆ สถานที่จะมีป้ายติดแสดงความสำคัญในการดูแลรักษามากน้อยแตกต่างกันไป เช่น โบสถ์ — Very Important Protection แต่ถ้าเป็นบ้านยุโรปที่แปลงสภาพกลายมาเป็นร้านหมอฟันแล้วก็อาจจะเป็นแค่ General Protection
Tianjin Binhai Library — ห้องสมุดเทียนจิน
ห้องสมุดเทียนจินสุดล้ำ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเนเธอร์แลนด์ชื่อดัง MVRDV ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเทียนจินออกไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ในบริเวณนี้จริงๆ แล้วมีเป็นอาณาจักร Tianjin Cultural Center เลยนะ คือมีทั้งห้องสมุด โรงละคร สถานที่จัดงานแสดง อารมณ์ว่านั่งรถออกไปนอกเมืองเพื่อไปอิมแพคอะไรแบบนั้นเลย
.
ภายในห้องสมุดโดดเด่นด้วยเส้นสายอิสระที่พาดผ่านไปมา และยังมีห้องประชุมทรงกลมลูกใหญ่ใจกลางห้องโถง ที่ดูรวมๆ จากภายนอกแล้วจะเห็นเป็นคอนเสปต์คล้ายดวงตา
.
– ลงสถานี Shiminguangchang (Citizen Square) แล้วต่อแท็กซี่ ไกลจากกลางเมืองเทียนจินพอควรเลย
– เอากล้องใหญ่เข้าไม่ได้ ได้แต่มือถือ สามารถฝากของที่ล็อกเกอร์ข้างๆ ได้ฟรี
– หนังสือในห้องโถงกลางส่วนใหญ่เป็นของปลอมจ้ะ 🤭
ถ้าซูมดูหนังสือตรงชั้นบนๆ จะปลอมหมด มีหนังสือจริงแค่ 2-3 ชั้นล่างเท่านั้น ซึ่งหนังสือพวกนี้ได้ข่าวว่าเอามาวางไว้เป็นพร็อพเฉยๆ เอามาจากห้องสมุดที่มีหนังสือจริงๆ อีกทีที่อยู่ด้านใน (ซึ่งเป็นห้องสมุดธรรมดาๆ ตามแบบห้องสมุดประชาชนนั่นแหละจ้ะ)
Dule Temple — วัดตู๋เล่อ
วัดตู๋เล่ออาจจะไม่ใช่หมุดหมายสำคัญของคนที่ต้องการจะมาเช็คอินถ่ายรูปเก๋ๆ แต่ถ้าอินเรื่องประวัติศาสตร์โบราณและของเก่าแก่อย่างวิหารไม้และรูปปั้นพระโพธิสัตว์แล้วละก็ ที่นี่คือเพชรน้ำงามที่ทรงคุณค่ามากๆ เลยทีเดียว
.
ตัววิหารทำจากไม้ทั้งหลัง มีอายุยาวนานร่วม 1,000 กว่าปี ประทับใจในความสวยงามแบบออริจินัลมากๆ ในขณะเดียวกันก็ทึ่งในฝีมือสถาปนิกสมัยก่อน ที่สามารถทำให้วิหารหลังนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านแผ่นดินไหวมาได้ โดยมีสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์
.
ถึงแม้ว่าข้างในวิหารจะถ่ายรูปออกมาไม่ได้ แต่เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้ไปเยือน จะต้องรับรู้ได้ถึงแรงศรัทธาของผู้ก่อร่างสร้างวิหารและรูปปั้นพระโพธิสัตว์แห่งนี้แน่นอน : )
Great Wall of China — กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีน ด่านหวงหยากวน
1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกำแพงเมืองจีนสุดมหึมาแห่งนี้นี่เอง แรกเริ่มที่สร้างขึ้นมากำแพงแห่งนี้มีความยาวกว่า 20,000 กว่ากิโลเมตร กินพื้นที่ไปกว่า 15 มณฑลทั่วราชอาณาจักรจีน ซึ่งปัจจุบันก็เหลือไม่ถึงแล้วล่ะ ทั้งชาวบ้านรื้อออกไปมั่งเอย (เพราะไปทับพื้นที่ทำมาหากิน) เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลามั่งเอย อย่างว่าอะเนอะ สร้างมา 2,000 กว่าปีแล้วก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงกันไปบ้างแหละ
ปกติแล้วทุกคนจะนึกว่าไปกำแพงเมืองจีนต้องไปจากปักกิ่งจริงๆ ก็คือไปได้หลายด่าน หลายจังหวัดมากๆ และเทียนจินก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เราแนะนำให้ไปด้วยประการทั้งปวง เพราะว่าคนน้อยกว่าเยอะเลยถ้าเทียบกับด่านปาต้าหลิงที่ปักกิ่ง ข้อแนะนำก็คือ อย่าลืมพกเครื่องมือสารพัดการป้องกันแดดติดตัวไปด้วย เพราะการเดินไปตามกำแพงเมืองจีนไม่ได้ต่างอะไรกับการเดิน trekking ภูเขาเลยจ้ะแม่ ลองดูในรูปนี้ดูสิ
Forbidden City — พระราชวังต้องห้าม
พระราชวังต้องห้ามหรือเรียกสั้นๆ ว่ากู้กง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองปักกิ่ง ที่บอกว่าต้องห้ามก็เพราะเมื่อสมัยก่อนประชาชนคนตาดำๆ อย่างพวกเราน่ะ ไม่มีสิทธิ์ได้เหยียบย่างกรายเข้าไปใกล้หรอกนะ หรือแม้กระทั่งข้าราชบริพารเอง ถ้าเป็นชั้นในก็เข้าได้ผู้หญิง ผู้ชายจะสามารถเข้าได้ก็ต่อเมื่อเปลี่ยนสถานะเป็นขันทีแล้วเท่านั้น
.
พื้นที่ด้านในใหญ่มหึมา มีห้องแค่ 9,999 ห้องเท่านั้นเอง อย่าลืมเผื่อเวลาเดินไว้สักครึ่งวันนะ เพราะถึงแม้จะเดินตรงดิ่งจากประตูทางเข้าไปยังทางออก ก็กินระยะทางเกือบ 2km แล้ว (ยังไม่รวมที่ต้องเดินผ่านจตุรัสเทียนอันเหมินอีกกิโลกว่าด้วย) งานนี้มีเดินน่องปูดกันไปข้าง 😂
ข้อแนะนำในการมากู้กงก็คือ ถ้าเป็นไปได้อย่ามาวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เพราะคนจะล้นทะลักมากกกกก ก.ไก่ล้านตัวแบบไม่ขู่ มาวันธรรมดาเถอะจ้ะ หรือจะมาตอนเย็นๆ ที่กู้กงใกล้ปิดแล้วก็ยังดี ไม่งั้นคนจะเยอะแยะจนพวกเธอไม่จอยได้
.
– เปิด 8.30-17.00 ปิดทุกวันจันทร์ วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดและนักขัตฤกษ์คนจะเยอะเป็นพิเศษ
– ควรจองตั๋วล่วงหน้าไปก่อน เพราะตอนนี้จำกัดจำนวนคนเข้าชมรายวัน (80,000 คน/วัน)
– แนะนำไปช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เพราะสถานที่ส่วนใหญ่เป็นลานกว้าง หลบแดดยาก พกหมวก พกน้ำ ไปด้วย
The Summer Palace — พระราชวังฤดูร้อน
ที่เรียกว่าพระราชวังฤดูร้อน ก็เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นบ้านพักตากอากาศสำหรับเหล่าราชวงศ์จีนในสมัยก่อนนั่นเอง ช่วงฤดูร้อนอากาศที่วังหลักร้อนเหลือเกินใช่ไหม หนีมาอยู่ที่นี่ดีกว่า อากาศเย็นกว่าเยอะเลย
.
ซึ่งอากาศที่พระราชวังฤดูร้อนก็เย็นกว่าที่กู้กงจริงๆ เพราะมีทะเลสาบขนาดใหญ่มหึมาเป็นคีย์หลักของสถานที่พักตากอากาศนี้ ความพีคก็คือทะเลสาบนี้ไม่ได้มีมาตั้งแต่ต้นหรอกนะ สร้างวังทั้งทีฮวงจุ้ยก็ต้องดีใช่มั้ย หันหน้าเข้าหาน้ำต้องมา หันหลังชนภูผาต้องมี งั้นแม่สั่งขุดเลยจ้ะ พระนางซูสีไทเฮาสั่งให้แรงงานหลายพันชีวิตขุดบ่อให้กลายเป็นทะเลสาบยักษ์แล้วเอาดินไปถมเป็นภูเขาให้มันรู้แล้วรู้รอดโรงเรียนฮวงจุ้ยไปซะเลย
.
นอกจากทะเลสาบแล้ว ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือตำหนักของพระนางซูสีไทเฮานั่นเอง นอกจากจะมีขนาดใหญ่กว่าห้องของฮ่องเต้แล้ว ยังประดับตกแต่งเกินหน้าเกินตาไปหลายเบอร์อีกต่างหาก
– เปิด 7.00-19.00
– ถ้าอยากได้ซีนที่คนน้อยๆ ให้รีบมาแต่เช้า เพราะที่นี่เป็น World Popular Destination เลยย มาเช้ายังไงก็มีคนแน่ๆ
– ถ้าอยากเดินให้ครบทั่วทั้งบริเวณ ให้เผื่อเวลาไว้สัก 3 ชั่วโมง
Temple of Heaven — เทียนฐาน
ภาษาไทยเราเรียกกันว่าเทียนฐาน หรือหอสักการะฟ้าดิน ซึ่งที่นี่ก็ทำหน้าที่ตรงตัวเลย คือเป็นสถานที่ที่ฮ่องเต้ต้องมาทำพิธีบูชาเจ้าฟ้าเทพยดา ดลบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ให้ทำการเกษตรดีๆ
.
นอกจากตัวหอสักการะจะมีความสวยงามมากๆ แล้ว การก่อสร้างก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย เพราะไม่ได้ใช้ตะปูสักตัวเดียวในการยึดโครงสร้างเข้าด้วยกัน
ความประทับใจที่เหนือความคาดหมายก็คือ ที่นี่ยังเป็นสวนสาธารณะให้ผู้สูงอายุชาวจีนมาพบปะ เล่นไพ่ เล่นป็อกเด้งกันอีกด้วย ถ้าเทียบกับวัยรุ่นที่นี่ก็เป็นแหล่งรวมบอร์ดเกมส์ดีๆ นี่เอง โดยไกด์เล่าว่าคนแก่เค้าจะมานั่งอยู่ที่เทียนฐานกันทั้งวันเลยนะ
ตอนเช้ารีบตื่นมาพบปะกันในตลาดหาคู่หน้าสวน ช่วยหาแฟนให้ลูกๆ กันสักนิด ตกสายหน่อยก็ออกกำลังกาย บ่ายๆ เริ่มทำมาหากิน (เล่นไพ่นั่นเอง) พอได้มาเห็นวิถีชีวิตของคนท้องที่จริงๆ แล้วก็เลยรู้สึกน่ารักและประทับใจมากกก
– เปิดทุกวัน 6.00-20.00
– สถานที่นี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน สามารถเข้าชมได้หลายประตู ถ้าเวลาน้อยจะมาลงประตูที่เข้าถึงหอสักการะฟ้าเลยก็ได้ แต่ถ้ามีเวลาแนะนำให้เริ่มเดินตั้งแต่แรกที่เป็นแท่นสักการะฟ้าสีขาวทำจากหินอ่อน ทางด้านทิศใต้