เห้ยไปจีน ไปทำไรวะ?
ฮั่นแหน่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องมีงงกันแล้วล่ะนะ
ถึงจะแป้วอยู่ซ้ำๆ หลังจากชวนเพื่อนไปปักกิ่งเป็นสิบกว่าคนแต่ก็ไม่ได้ลบความจริงที่ว่าจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มาแรงที่สุดในวินาทีนี้!
นอกจากเราจะได้ไปลิ้มรสความเกรทความแกรนด์ของพระราชวังกับกำแพงเมืองจีนจนสมใจแล้ว ตามตรอกซอกซอย ถนนหนทาง ยังมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจอีกเพียบ!
ทั้งทางจักรยานที่ใหญ่กว่าถนนปากซอยบ้านตู
Art Street สุดคูลที่ใหญ่กว่าทั้งสยามมารวมกัน
คาเฟ่ชิคๆ ในย่านรวมมิตรสถานฑูต
และแน่นอน
ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษซักคน!
อ่ะ ปักหมุดกันให้มั่น ฝึกท่องประโยคหนีห่าวกันรัวๆ
เรากำลังจะพาไปหลงในดินแดนมังกร
ที่ๆ ประวัติศาสตร์และปัจจุบันอยู่ร่วมกันได้อย่างยิ่งใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกใบนี้
.
#gogetlostBeijing
#AwesomeChina
#FlyAwesome
#NokScoot
ดูจาก map เห็นแต่ละที่ใกล้ๆกันแบบนี้
แต่หารู้ไม่ว่าของจริงห่างก
.
ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงขอ
ปักกิ่งเลยเป็นเมืองที่สเกล
ใครคิดว่าจะเดินเที่ยวในเมื
จากที่นึง ไปที่นึง เดินสามวันก็อาจจะไม่ถึง
.
มาปักกิ่งครั้งนี้ เราเลยเดินทางด้วย Taxi เป็นหลัก
Taxi ที่นี่ ราคาพอๆกับบ้านเรา เรื่องงบเลยไม่ใช่ปัญหา
แต่เรื่องการสื่อสารนี่สิ ปัญหาใหญ่เลย
มาเมืองจีนแบบที่ไม่มีใครพู
ขนาดบอกชื่อสถานที่เป็นภาษา
.
วิธีของเราก็คือต้องทำการบ้
จดชื่อที่เที่ยวที่อยากไปไว
พอกระโดดขึ้นแท็กซี่แล้วก็ ยื่นให้พี่แกเลย
แบบนี้รับรองว่าไม่มีพลาดแน
.
ออออ อีกอย่างนึง
สถานที่แต่ละที่ของปักกิ่งค
อย่าลืมจดมาด้วย ว่าจะลงประตูไหน ทิศไหน เขียนทุกอย่างเป็นภาษาจีนให
ไม่งั้นพี่แท็กซี่อาจจะส่งผ
.
ส่วนใครคิดจะหา Grab หา Uber
อย่าลืมว่านี่เมืองจีน พี่แกไม่เปิดรับ App ต่างชาติใดๆ ทั้งสิ้น
จะมีก็แต่ Didi ที่อ่านออกเสียงว่า ตี่ตี่ ที่เอาไว้เรียก Taxi
ก่อนเดินทางก็อย่าลืมโหลดเก
TIANTAN
The Temple of Heaven
สิ่งก่อสร้างกลมๆ สุดเว่อร์วังอลังการนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือเทียนถานหรือหอสักการะฟ้านั่นเอง เดิมทีใช้เป็นหอสำหรับทำพิธีบูชาเทพเจ้าฟ้าดินให้เก็บเกี่ยวพืชผลได้อุดมสมบูรณ์งอกงามตลอดปี
จักรพรรดิแห่งจีนหลายต่อหลายพระองค์ก็เคยผ่านการบวงสรวงพิธีกรรมในบริเวณนี้มาก่อน
.
หอกลมๆ เหล่านี้เชื่อว่ามีความหมายแปลว่าโลกมนุษย์
แถมสร้างสูงขึ้นไปเป็นหลังคาสีน้ำเงินที่มีความหมายว่าสวรรค์โดยไม่ใช้ตะปูเลยซักตัวเดียว
ตำหนักที่ใหญ่และสำคัญที่สุดจะอยู่ทางด้านทิศเหนือ เรียงตามมาด้วยตำหนักที่เล็กกว่าอยู่ตรงกลาง และแท่นสักการะฟ้าหินอ่อนสีขาวทางด้านทิศใต้ที่ฮิตสุดๆ ในหมู่นักท่องเที่ยว
เพราะว่ากันว่าแค่กระซิบเบาๆ ที่หินตรงใจกลางลาน จะได้ยินเสียงสะท้อนกลับมาแทบจะในทันทีด้วยนะเออ (อดลองเหมือนกันเพราะคนเยอะมากก)
.
เห็นมี 3 ส่วนแบบนี้ ที่จริงจะเริ่มเดินจากฝั่งไหนก่อนก็ได้
แต่ที่แน่ๆ ถ้าเรียกแท็กซี่แยกคันกับเพื่อนต้องนัดกับคนขับดีๆ นะเออว่าไปลงประตูไหน
ระยะทางเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ไกลมากกกก ลงผิดฝั่งแนะนำแท็กซี่อีกต่อลูกเดียวเท่านั้น5555
SANLITUN
Beijing’s Modernized District
ผังเมืองของปักกิ่งถูกแบ่งออกเป็นโซนๆ ตามการใช้งาน
รอบในสุดของถนนวงแหวนคือเขตอนุรักษ์เมืองเก่าหรือพวกพระราชวังต้องห้ามอะไรแบบนี้แหละ
ถัดออกมาจากวงแหวนด้านในเล็กน้อย
Sanlitun เป็นแหล่งรวมของสถานฑูตจากทุกประเทศทั่วโลก ที่วางเรียงรายอยู่ติดๆ กันอย่างเป็นระเบียบ คิดภาพตามว่าเข้าไปในถนนหมู่บ้าน ด้านซ้ายเป็นบ้านของคุณเนเธอร์แลนด์ ด้านขวาเป็นบ้านของพี่ไทยอะไรแบบนั้นเลย แล้วเป็นยังงี้ทั้งถนนเด้อ
ด้วยความที่มีชาวต่างชาติอยู่ตรงนี้เยอะ (เราคิดเองว่า)เลยส่งผลให้ย่านนี้เจริญมากกกกกนอกจากจะมีคาเฟ่ ร้านอาหาร หลากหลายชาติ หลายสไตล์ให้เราได้เดินเล่นชิวๆ แล้ว
ห้างและช็อปแถวนี้ก็หรูหราและใหญ่โตแข่งกันแบบสุดๆ ไปเลยย
ช็อป adidas ของที่นี่เคยติดอันดับช็อปที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้วอะ เอาไง
.
ใครเป็นสายช็อป สายเมือง น่าจะตกหลุมรักย่านนี้ได้ไม่ยาก
เราพลาดอย่างเดียวคือประเมินความกว้างของที่แถวนี้น้อยไป โอ้โหไม่ใช่เดินเล่นๆ ชิวๆ เหมือนในซอยอารีย์นะเท๊ออออ มันกว้างมากอยู่
อย่าลืมกะเวลากันให้ดีๆ นะ
TIANANMEN AND GUGONG
The Forbidden City
ไอคอนนิคสุดใหญ่ยักษ์ของพี่จีนนี้จะเป็นใครที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากจตุรัสเทียนอันเหมินและพระราชวังต้องห้าม
.
คือถ้าถามว่าเทียนอันเหมินใหญ่แค่ไหน ก็ต้องตอบว่าใหญ่มากกกกก มากที่สุดในโลกเอางี้ละกัน
นอกจากจะอยู่ติดกับเมืองต้องห้ามอันโด่งดัง ที่นี่ยังผ่านร้อนผ่านหนาวในหน้าหนังสือของประวัติศาสตร์จีนมาอย่างโชกโชน
เหนาะๆ ก็จุคนได้ประมาณ 1 ล้านคนเท่านั้นเอง แถมยังมีรูปประธานเหมาแปะอยู่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตูด้วยนะ (แต่เราไปแล้วเจอสแลนสีเขียวปิดซ่อมแซมอยู่ เศร้าเว่อ)
จตุรัสด้านหน้าว่าใหญ่แล้ว เมืองต้องห้ามที่อยู่ติดกันกลับใหญ่เบิ้มมากขึ้นไปอีกก
ดีกรีความใหญ่ เท่ากับ 2 เมืองวาติกันต่อกัน หรือประมาณ 3 พระราชวังเครมลินแห่งรัสเซียเท่านั้นเอง
ใครกะจะไปเดินเล่นชิวๆ เร็วๆ ชม. 2 ชม. ลืมไปได้เลยค่ะซิส น่องปูดแน่นอน
.
พระราชวังต้องห้ามหรือกู้กง ได้คำต่อท้ายว่าต้องห้ามก็เนื่องมาจากว่าเมื่อก่อนเมืองแห่งนี้เนี่ยะ
ประชาชนคนตาดำๆ อย่างพวกเราเข้าไปเหยียบไม่ได้หรอกนะ
เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ให้เฉพาะจักพรรดิและบริวารที่ได้รับเลือกเท่านั้น ถึงจะเข้ามาอยู่ในเมืองนี้ได้
แต่จะออกมาได้หรือเปล่านั่นก็อีกเรื่องเด้อ5555
.
ว่ากันว่าเมืองนี้มีจำนวนห้องมากถึง 9,999 ห้อง
ก่อสร้างขึ้นด้วยแรงงานนับล้านคน แถมก่อสร้างยากด้วยนะ ไม่ใช่ธรรมดา
ต้องตัดไม้จากป่าบนเขา แล้วรอน้ำหลากลงมาด้านล่าง
เวลาเคลื่อนย้ายทีก็ต้องรอให้ถนนปกคลุมเป็นด้วยน้ำแข็งถึงจะค่อยๆ ลากวัสดุแต่ละอย่างมาจนถึงไซต์ก่อสร้างได้
.
ด้วยความจริงจังเบอร์นี้ เลยทำให้พระราชวังต้องห้ามอยู่ยงคงกระพันมาถึงปัจจุบันจนได้
เป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ทุกคนอยากจะมาเหยียบครั้งหนึ่งในชีวิต จนบางปีนักท่องเที่ยวมาที่นี่กันมากกว่าปีละหลายล้านคนนนเลยนะะ ทำเล่นไป!
WUDAOYING HUTONG
The Traditional Chinese Street
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดลามะ
Hutong หรือตรอกของที่นี่ ถูกเรียกว่าเป็น Heritage-turned-hip สุดเก๋ที่แท้ทรู
.
ในขณะที่ตึกรามบ้านช่องสมัยใหม่ของปักกิ่งถูกสร้างขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร
หูท่งคือบ้านจีนจิ๋ว ที่เรียงรายกันอยู่ในซอยจิ๋วๆ แบบจีนดั้งเดิมที่มีมาหลายร้อยปี
มหานครปักกิ่งนี้เคยเต็มไปด้วยบ้านสไตล์หูท่งหลายหมื่นหลังคาเรือน
ที่เชื่อมต่อกันด้วยถนนแคบๆ แบบนี้ แต่กลับมีความหลากหลายทางสังคมสูงมากกก
จะจนจะรวยทุกคนก็ต่างอยู่อาศัยในบ้านจีนหน้าตาคล้ายๆ กันนี่ล่ะ
พอมีการรีโนเวทเมืองครั้งใหญ่ หูท่งทั้งหลายเลยถูกรื้อถอนออกไปด้วย
เหลืออยู่ไม่กี่ชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์ความดั้งเดิมเอาไว้อยู่
เราหลงสเน่ห์บ้านจิ๋วซอยจิ๋วของหูท่งเอามากมากกกก
เทียบให้เห็นภาพง่ายคือแถวนิมมานเชียงใหม่อะ แต่กลิ่นอายวัฒนธรรมมาเต็มกว่าสุดดด
ที่นี่คือที่ที่สามารถเดินเจอบาร์ กิฟต์ช็อปสุดเก๋ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านกาแฟดริป ท่ีอยู่ติดๆ กันได้เพียงไม่กี่ก้าวเดิน
แถมห้องน้ำยังคงความดั้งเดิมไว้ด้วยการใช้เป็นห้องน้ำรวมอีกด้วยนะ (เพราะบ้านแต่ละหลังนางไม่มีห้องน้ำส่วนตัวยังไงล่ะ)
เตรียมกล้องในมือไว้ให้พร้อม เพราะมุมถ่ายรูปที่นี่มีเพียบจนแอ็คท่าแทบไม่ทัน!
LAMA TEMPLE
The Palace of Peace and Harmony
วัดลามะหรือยงเหอกง คืออีกวัดนึงที่ lonely planet ถึงกับเคลมไว้ว่า ถ้าไม่มีเวลาเที่ยวปักกิ่งแล้วเลือกดูได้แค่วัดเดียวควรค่ามากที่จะต้องมาเยือนที่นี่!
.
คำว่า กง ในยงเหอกง มีความหมายถึงวัง ก็เนื่องมาจากที่แห่งนี้แต่เดิมทีจะสร้างไว้เป็นวังจริงๆ น่ะแหละ แต่สุดท้ายแล้วฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิงก็ได้ยกพื้นที่ทั้งหมดของวังนี้ให้กลายเป็นของพระลามะ
ภายในวัดเลยจะเห็นความมิกซ์แอนด์แมทช์ของชนชาตินิดหน่อย
เดินๆ ไปลองสังเกตดูว่าบางจุดจะมีถึง 4 ภาษาเลยนะ คือ
ภาษาแมนจู(ราชวงศ์ชิง), มองโกล(ยึดครองจีนมาก่อนแมนจู),
ทิเบต(ความพระลามะ) และฮั่น(คนส่วนใหญ่ในประเทศจีน)
ในบริเวณวัดแบ่งออกเป็นประมาณ 5 ฮอล คั่นแต่ละฮอลด้วยลานหิน
กลิ่นอายสไตล์ทิเบตมาเต็ม ระฆังหมุนๆ แบบแชงกรีล่าที่นี่ก็มีด้วยนะ
ไฮไลต์สำคัญของที่นี่เลยคือ รูปปั้นพระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต 3 องค์เรียงกัน,
ภูเขา 500 อรหันต์ และพระพุทธรูปองค์ใหญ่แกะสลักจากไม้ท่อนเดียวสูงถึง 18 เมตร!
.
แนะนำว่าให้ลองอ่านประวัติไปก่อนด้วยเล็กน้อย จะได้ไม่มึนว่าอะไรเป็นอะไร
แต่ถ้าใครไม่อิน จะเข้าไปถ่ายรูปเฉยๆ บรรยากาศและสีสันก็ได้อยู่
ควรค่าแล้วที่เป็นวัดสำคัญในปักกิ่ง
YIHEYUAN
The Summer Palace
พระราชวังฤดูร้อนหรือบ้านพักตากอากาศของราชวงศ์จีนแห่งนี้ มีชื่อเสียงป๊อปปูล่ามากในช่วงยุคการปกครองของพระนางซูสีไทเฮา
เห็นทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาลอยู่เรียงรายกับวังสวยงามขนาดนี้ ที่จริงแล้วแม่สั่งให้คนงานขุดสระ แล้วเอาดินไปถมเป็นภูเขาสำหรับสร้างตำหนักด้านบนอีกหลังนึง!
.
ด้วยความที่พระนางชอบพระราชวังฤดูร้อนนี้เอามาก
แทบจะมาอยู่บ่อยกว่าวังหลวงที่ปักกิ่งอีก เราเลยจะเห็นร่องรอยความหรูหราอลังการ
ตั้งแต่ระเบียงทางเดินยาวจากริมสระถึงตัวตำหนัก โรงงิ้ว โรงละคร ไปจนถึงเรือหินอ่อนที่เอาไว้นั่งจิบน้ำชาเกร๋ๆ ยามบ่ายได้อย่างเดียว แต่แล่นไม่ได้นะ
.
ความสวยงามอีกซีนหนึ่งคือ ถ้าเรามาเที่ยวพระราชวังฤดูร้อนในหน้าหนาว
ทะเลสาบแห่งนี้จะแข็งเป็นลานไอซ์สเก็ตขนาดใหญ่ ที่มีความโรแมนติกมากกก
ไม่แปลกใจเลยที่พระนางซูสีไทเฮาจะหลงใหลในบรรยากาศของที่นี่ขนาดหนัก
ถึงกระทั่งเอาเงินที่ใช้สำหรับบำรุงกองกำลังทหารเรือมาต่อเติมรีโนเวทที่นี่ไม่หยุดหย่อน
จนส่งผลให้กองทัพเรือจีนอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะขาดงบประมาณ
798
The Creative District
ห่างมาจากตัวเมืองปักกิ่งไม่ไกลนัก
798 เป็นแหล่งอาร์ทคอมมิวนิตี้ขนาดใหญ่ ที่รวบรวมผลงานศิลปะ สตูดิโอ ร้านอาหาร ร้านขายของ สุดติสท์สุดแนวไว้เยอะที่สุดแห่งนึงเลยล่ะ
.
798 เดิมเป็นโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ทางการทหารจีนมาตั้งแต่สมัยสงครามนู่นนน
เลข 7 ขึ้นต้นนี่ก็ไม่ใช่อะไรนะ เป็นโค้ดเลขที่มีความหมายว่าโรงงานทหารนั่นล่ะจ้าา
เนื่องด้วยตอนนั้นอิทธิพลจากเยอรมันเข้ามาซะเยอะ กลายเป็นว่าที่นี่รับกลิ่นอายสถาปัตยกรรมแบบที่เรียกว่า Bauhaus เข้ามาเต็มๆ
ถ้าใครอยากไปดูความ form follows function แบบออริจินอลลองเดินไปแถวโซนโรงงานเก่าดูนะ ได้บรรยากาศมากกกก
.
ถ้าจะให้นิยามที่นี่สั้นๆ มันจะมีความสยาม+หอศิลป์กรุงเทพฯ+อารีย์ทองหล่ออะไรแบบนั้นเลย
แต่ในสเกลที่ใหญ่กว่ามากกก เรียกได้ว่าเดินได้ทั้งวัน แวะซื้อของตรงนี้นิด กินอาหารเที่ยงตรงนั้นหน่อย ตกบ่ายจะไปนั่งร้านกาแฟเก๋ๆ ก็ยังพอไหว เพราะในนี้มีครบทุกอย่างเลยจริงๆ
THE GREAT WALL
One of the World’s Seven Wonders
ครั้งหนึ่งในชีวิต เราเนี่ยแหละก็อยากจะไปพิชิตสิ่งมหัศจรรย์ของโลกให้ได้ที่ละ 1 ครั้ง
และ 1 ในที่ที่ไปง่ายที่สุด และอิมแพคมากที่สุดแห่งหนึ่งก็ที่นี่เลย กำแพงเมืองจีน!
.
กำแพงเมืองจีนมีมานานมากกกก กว่า 2,500 ปีก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้ซะอีก
กินอาณาเขตยาวไกล พาดผ่านกว่า 15 มณฑลในประเทศจีน เหนาะๆ แค่ 2 หมื่นกว่าโลเท่านั้นเอ๊งง
สมัยก่อนเค้าถึงกับเชื่อจริงๆ จังๆ เลยนะ ว่ามองเห็นกำแพงเมืองจีนได้จากอวกาศ5555
นอกเหนือไปจากประวัติความเป็นมาอันเข้มข้นของกำแพงสุดมหึมานี้แล้ว
ประสบการณ์การไปเยี่ยมเยือนที่นี่ก็ตรึงตาตรึงใจเราไม่แพ้กัน
เนื่องจากกำแพงมันยาวมาก เริ่มแรกเราต้องเลือกสเตชั่นที่เราจะไปก่อน
อันไหนสวย อันไหนไปง่ายสุด เดี๋ยวจะทิ้งรายละเอียดบางส่วนไว้ให้ข้างล่าง
ส่วนอันที่เราไปคือ Badaling ที่ซึ่ง touristy โคตรๆ เพราะใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด ก็แค่ฝ่าฟันนักท่องเที่ยวมหาศาลแถมต้องบริหารภาษามือกันให้จ้าละหวั่นตลอดทางตั้งแต่ขึ้นรถไปยันถึงจุดขายตั๋วเท่านั้นเอง!
.
นอกจากซุ้มหมีควายที่อยู่ปากทางเข้าสเตชั่นจะทำให้เรางงงวยกันไปตามๆ กันแล้ว
ที่พีคยิ่งกว่าคือรถรางที่พาเราขึ้นไปสู่ด้านบนกำแพง ที่แบบว่าต้องร้อง เฮ่ย!
นี่มันมรดกโลกจริงๆ หรอยู๊ววว
ถ้ากำลังจินตนาการว่าเป็นกระเช้าขนาด 10 คน ค่อยๆ ไต่ระดับความสูงไปตามราง
ขอให้ลบภาพนั้นทิ้งไปให้หมด แล้วนึกถึงรถบั๊มตามงานวัดหรือตะลุยอวกาศในดรีมเวิลด์ก็ได้
เพิ่มเติมคือมีสแลนสีเขียวขึงอยู่ข้างบน โคดฮิป
.
ส่วนเมื่อมาถึงกำแพงเมืองจีนของจริงแล้วก็บอกได้เลยว่าใหญ่โตอลังการงานสร้างมากกก
โครงสร้างคงต้องแข็งแรงมากจริงๆ ที่อยู่มาได้เป็นพันปี แถมยังต้องรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลขนาดนี้อีกปีละหลายแสนคน
TIANJIN
Western City in the East
มารู้จักเทียนจินเข้าจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่บินนกสกู๊ตตรงมาจากไทย แล้วจะไปต่อปักกิ่งนี่ล่ะ
มาแล้วทั้งทีอย่าให้เสียเที่ยว ไหนขอเดินเปิดแม็ปเมืองจีนอีกซักเมืองดูหน่อยสิน่าา
.
อู้หูว แล้วก็พบว่าที่นี่ unseen มากกก
สำหรับเรามันโมเดิร์นประมาณสิงคโปร์เลยล่ะ เดินๆ อยู่ริมน้ำ แล้วมองวิวตึกคือใช่เลย แบบเดียวกันเป๊ะ
นอกจากเทียนจินจะเป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศจีนแล้ว
ยังเป็นเมืองท่าสำคัญที่โฟกัสไปที่การทำธุรกิจ ทำการค้า
ทำให้ที่นี่มีกลิ่นอายของตะวันออกและตะวันตกผสมผสานกันอย่างเห็นได้ชัด
.
คือบ้านเมืองมันเป็นสไตล์ยุโรปมาเลยค่าคุณผู้โชมมมม
ออจินอลตั้งแต่สมัยยุคล่าอาณานิคมก็มี ส่วนสร้างขึ้นใหม่ๆ เพื่อเป็นจุดขายก็เยอะ
จนไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอมบ้าง ที่แน่ๆ คือเดิร์นมากทั้งเมือง
ได้ข่าวว่าทั้งคนมาเรียนต่อ ทั้ง expat อะไรก็มีเยอะด้วยนะ
บรรยากาศน่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการมาใช้ชีวิตต่างประเทศที่จีนเลยทีเดียวแหละ
เราเป็นคนนึงที่เคยร้องอี๋…กับเมืองจีน
กลัวห้องน้ำ กลัวโดนเจ๊กหลอก กลัวภาษาจีน กลัวทุกสิ่งอย่าง
แต่นั่นคือเราเมื่อปีที่แล้วก่อนจะได้มาปักกิ่ง
.
เราตัดสินใจเลือกปักกิ่ง เพราะเราอยากทำความรู้จักเมืองจีนที่เป็นเมืองจีนจริงๆ
อยากเห็นความยิ่งใหญ่ของประเทศมหาอำนาจ
อยากเห็นประวัติศาสตร์อันเลื่องชื่อ
อยากไปเดินบนกำแพงเมืองจีนในตำนาน
อยากไปสัมผัสพระราชวังต้องห้ามแบบองค์หญิงกำมะลอ
.
แล้วเราก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ
ปักกิ่งครั้งนี้ ทำให้เรามองเมืองจีนต่างออกไปจากเมื่อก่อนมาก
มากซะจนทำให้เรารู้ว่า บางที เราก็ไม่ควรจะไปยึดติดกับอะไรเดิมๆ
เพราะความจริงแล้ว โลกมันเปลี่ยนไปเร็วกว่าที่เราคิด
เร็วจนบางครั้ง เราอาจจะก้าวตามโลกไม่ทัน
.
เปิดใจให้กว้าง ออกไปเผชิญโลกในมุมใหม่ๆบ้าง
โลกใบนี้มันกว้างใหญ่กว่าที่พวกเราคิดกันเยอะ
.
#gogetlostBeijing
#AwesomeChina
#FlyAwesome