Lapland ดินแดนในฝันอันไกลโพ้นที่เหมือนไม่มีอยู่จริง
.
เราเองก็เป็นคนนึงที่เคยคิดว่า Lapland นั้นมีอยู่แค่ในเทพนิยาย
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีก่อน เปิดหนังสือ Lonely Planet ไปเจอเข้า เลยเพิ่งรู้ว่า Lapland นั้นมันมีอยู่จริงๆ
ปลายปีที่ผ่าน เราเลยพาตัวเองออกเดินไปสัมผัสโลกแห่งเทพนิยายที่ Lapland
ดินแดนทางตอนเหนือสุดของประเทศ Finland สุดขอบทวีปยุโรป ดินแดน Frozen ของเจ้าหญิงเอลซ่า ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน
.
ต้องยอมรับว่าการเดินทางครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งไหน
เพราะที่ทุกที่ที่ได้ไป กิจกรรมทุกอย่างที่ได้ทำ มันเป็นอะไรที่เกินความคาดหวังมาก
.
เอาเป็นว่าเราสรุปการเดินทางทั้งหมด 1 อาทิตย์ของเราในดินแดนในฝันมาให้ทุกคนได้ดูกันสั้นๆ
ลองดูกัน เรารับรองว่าสิบสองรูปต่อจากนี้ จะทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ดินแดนในฝันที่มีอยู่จริงมันเป็นยังไง !
.
#gogetlostLapland
#TestedTough
#ColumbiaTH
Go Hunting the Aurora
เรามีความฝันว่าในชีวิตนี้ อยากจะได้เห็น Aurora ด้วยตาของตัวเองสักครั้ง
แล้วก็อยากจะถ่ายรูป เจ้า Aurora นี้ ด้วยตัวของเราเอง
.
Lapland คือพื้นที่ที่มีโอกาสเห็น Aurora ได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก
แต่ถ้าหลายคนติดตามข่าว จะพอรู้กันดีว่าโอกาสในการเห็น Aurora นั้นน้อยลงเรื่อยๆ
แล้วหลังจากปีนี้ กว่าที่ Aurora จะกลับมาชัดอีกครั้งก็ต้องรอไปอีกประมาณ 70 ปี
.
เรามา Lapland ทั้งหมด 7 วัน
ทุกๆ วันคือใจจดใจจ่อ รอลุ้นว่าจะได้เจอมั้ย
ก่อนนอนก็เปิดหน้าต่าง เดินออกไปดูแล้วดูอีก เผื่อว่า Aurora คนดีจะแวะมาทักทายกันบ้าง
ผ่านไป 5 คืน ก็ยังไม่ได้เจอกัน เอาตรงๆ คือถอดใจละ ยังไงครั้งนี้ก็คงไม่เห็นแน่ๆ
.
จนคืนสุดท้าย เราไป Snow Shoes Hiking ในป่าตอนกลางคืน
เดินๆ อยู่ ก็มีเพื่อนเริ่มตะโกนขึ้นมาว่า เอ๊ะ ทำไมฟ้ามันดูแปลก
แต่ด้วยความที่ต้นสนมันสูงมาก มองอะไรก็ไม่ค่อยเห็น เลยยังไม่ค่อยชัวร์เท่าไหร่
แต่ทุกคนก็เริ่มตื่นเต้น เริ่มไม่สนใจอย่างอื่น เอะอะมองฟ้าอย่างเดียว
.
สักพัก มันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยชัวร์
ทุกคนรีบวิ่งตามกันออกไปในที่โล่ง ยืนกลางทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็ง
พอพ้นเขตป่าสนออกมากลางทะเลสาบเท่านั้นแหละ
ชัดเลยยยยย AURORA !!!!!!!
เสียงตะโกน กรี๊ด กระโดดโลดเต้นกันใหญ่
มันชัดมากกกก คุณ Aurora คือวิ่งเต้นกันเต็มท้องฟ้าเลยยย
.
ความรู้สึกตอนนั้นคือใจเต้นรัวมากกก
ทุกคนเงียบกริบ แหงนหน้ามองขึ้นฟ้าด้วยหัวใจที่พองโต
.
ในที่สุด ความฝันก็เป็นจริง : )
Campfire under the Sky Full of Stars
.
เคยได้ยินที่เค้าบอกว่าดาวล
เราเห็นเองมาแล้วกับตา ล้านดวงจริงๆ
.
ตอนกลางคืนก่อนนอน พวกเราออกไปเดินเล่นในป่า ก่อกองไฟ ทำ BBQ ย่างไส้กรอก กับ marshmello กินกัน
มันเป็นอะไรที่ลงตัวมาก กองไฟอุ่นๆ ท่ามกลางอากาศหนาวติดลบ
จิบเบียร์เย็นๆ นั่งร้องเพลงกับเพื่อนไปเพล
ชิวจนแทบอยากจะหยุดเวลาไว้ต
.
แค่นั้นยังไม่พอ เราล้มตัวลงนอนหงายหน้ามองฟ
ลืมตาขึ้นมาเท่านั้นแหละ ใจนี่พองโตเลย
คงต้องบอกว่า ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเห็นดาวเยอะขนาดนี้มา
ดาวเล็ก ดาวน้อย กลุ่มดาวที่เคยเรียนมาทั้งห
.
เชื่อแล้วว่าดาวล้านดวงมีอย
Dip into the Freezing Arctic Ocean
ใช่แล้ว แก้ผ้า กระโดดลงไปใน Arctic Ocean ด้วยความเย็นติดลบนั่นแหละ
เป็นอะไรที่บ้าที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ก็แข็งใจลองไปแล้วสักครั้งในชีวิต
.
เรานั่งรถขึ้นไปตรงจุดที่เหนือสุด ปลายขอบทวีปยุโรปที่ติดกับ Arctic Ocean
แบบว่าข้ามทะเลไปอีกฟากก็ขั้วโลกเหนือแล้ว
.
ที่นี่มีหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ชื่อว่า Bugoynes ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกแบบ out of nowhere มากกกก
ท่ามกลางความหนาวสุดขั้วเกินกว่าที่จะมีคนอาศัยอยู่ได้ ทั้งเมืองมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 150 คน
อาชีพหลักของคนที่นี่คือออกล่าจับ King Crab ส่งออกไปขายทั่วโลก
เราได้เห็น King Crab ตัวเป็นๆ ด้วย ตัวจริงยาวเป็นเมตร แบบว่าใหญ่มากจนน่าตกใจ
.
แต่อีก hilight นึงของที่นี่ ก็คือ Arctic Sauna
เราแก้ผ้าใส่กางเกงในว่ายน้ำตัวเดียว แล้วเดินเข้า Sauna ร้อนจัดริมทะเล
พออุณหภูมิร่างกายร้อนได้ที่ ก็เปิดประตูออกมา จูงมือกันกับน้อง วิ่งร้อยเมตรกระโดดลงไปในทะเล
ไม่ใช่ทะเลแบบพัทยาบ้านเรานะ แต่คือทะเลน้ำแข็ง ติดลบประมาณสิบกว่าองศาแค่นั้นเอง
ชิวปะหละ 5555 มันบ้าไปแล้ววววว กระโดดลงไปคือไร้ซึ่งความรู้สึก เหมือนอวัยวะทุกส่วนถูกแช่แข็ง ชาไปทั้งตัว
รู้ตัวอีกที ก็หนาวแบบปากเขียว สั่นแบบหยุดไม่ได้
แล้วก็รีบวิ่งกลับเข้าไปใน Sauna ให้ตัวมันค่อยๆ ละลาย
พอละลายแล้วก็วิ่งกลับลงไปในทะเลอีก
วนไป สามรอบ สี่รอบ แล้วแต่ใจว่าจะกล้าแค่ไหน
.
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะกล้า แต่ก็ทำไปแล้ว
เป็นการ complete Bucket List รายการใหญ่ในชีวิตของเราไปอีกอัน
ฟิน : )
Explore the Frozen Landscape
ดินแดนหิมะขาวโพลน ทุกอย่างถูกเจ้าหญิงเอลซ่าเสกกลายเป็นน้ำแข็ง
เพลง Let it go ดังขึ้นมาในหัวทันที
ทุกอย่างเหมือนในเรื่อง Frozen ยังไงยังงั้นเลย
.
สำหรับเรา แค่มีหิมะ มันก็ทำให้ Landscape ต่างๆที่เคยเห็นเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ภาพป่าสนที่เราเคยเจอ พอเจอหิมะเข้าไปก็สวยขึ้นกว่าเดิม
ทะเลสาบจากที่เห็นน้ำใสๆ ก็กลายเป็นน้ำแข็งลงไปเดินเล่นได้สบายๆ
.
นี่คือการเจอกับหิมะที่เยอะที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
ได้โอกาสทั้งที เลยลองปั้น Snow Man เล่น Snowball
ทิ้งตัวกระโดดลงไปในกองหิมะนุ่มๆ
แอบชิมหิมะด้วย นี่ถ้ามีน้ำหวานมาราดนะ บอกเลยว่าบิงซูก็อร่อยสู้ไม่ได้
Experience the Polar Night
ใครเคยได้ยินเรื่อง Polar Night กับ Midnight Sun บ้าง
.
สองสิ่งนี้คือความอัศจรรย์ของดินแดนขั้วโลกเหนือ
ด้วยความที่แกนโลกเอียง พื้นที่แทบทั้งขั้วโลกเลยเอียงเข้าหาพระอาทิตย์ในหน้าร้อน
แล้วเอียงออกจากพระอาทิตย์ในหน้าหนาว
.
หน้าร้อน Lapland เลยจะมี Midnight Sun
พูดง่ายๆ ก็คือ พระอาทิตย์ไม่มีวันตกตลอด 3 เดือน
ส่วนหน้าหนาว ช่วงที่เราไปนี้ เค้าเรียกว่า Polar Night
ก็คือพระอาทิตย์จะไม่ขึ้นตลอด 3 เดือน
.
ฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่นี่คือความมหัศจรรย์และความงดงามของธรรมชาติ
หลายคนอาจจะคิดว่า Polar Night ไม่มีพระอาทิตย์ ก็ต้องมืดสนิทสิ
จริงๆ แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้เห็นพระทิตย์เลย แต่ช่วง Polar Night ก็จะพอมีแสงสว่างบ้าง ประมาณวันละ 4 ชั่งโมง
แสงสว่างที่ว่า คือแสง Twilight สีชมพูอมม่วง ที่ระบายไปทั่วท้องฟ้า
ยิ่งพอสะท้อนกับพื้นหิมะสีขาวโพลน ก็ยิ่งทำให้ Lapland ดูเป็นดินแดนมหัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีก
Feel the Speed of Huskies
นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เราต้องมาเหยียบ Lapland
ภาพหมาลากเลื่อนตะลุยเข้าไปในป่ามันคือภาพในฝันชัดๆ
.
น้อง Huskies ที่นี่ถูกฝึกมาอย่างดีสำหรับการลากเลื่อนตะลุยป่า
น้องๆ ซนมากก และแรงเยอะมากก มีความ Hyper แบบอยู่ไม่สุข เอะอะอยากจะวิ่งอย่างเดียว
.
เลื่อนหนึ่งอันจะมีน้องหมา 6 ตัว เราสามารถนั่งได้ 2 คน
คนนึงยืน คอยบังคับน้อง Huskies อีกคนก็นั่งสวยๆ บนเลื่อน คอยถ่ายรูปไป
.
น้องหมาพาเราเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยหิมะ
สองข้างทางคือสวยมากกจนแทบเป็นลม
.
สำหรับเรา นี่คือประสบการณ์ที่ฟินที่สุดของทริป Lapland ในครั้งนี้
เป็นการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของนิยายอย่างสมบูรณ์แบบ
ยิ้มแก้มปริตลอด 30 นาทีที่อยู่บนเลื่อนกับน้องหมา
กลับออกมาด้วยความฟินที่ไม่มีวันลืม : )
Get Christmas Spirit at the Santa Claus Village
ใครจะไปคิดว่า Santa Claus ที่พ่อกับแม่เล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กจะมีอยู่จริงๆ
แต่เค้าว่ากันว่า Lapland เนี่ยแหละ ที่เป็นบ้านเกิดแล้วก็เป็นสถานที่ประจำการในการปฏิบัติงานของคุณลุง Santa
.
Santa Claus Village คือบริเวณที่ตั้งอยู่เหนือเส้น Arctic Circle ขึ้นมานิดนึง
ที่นี่เราจะได้เจอได้คุยกับคุณลุงซานต้าตัวเป็นๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนก็แต่งตัวเป็น Santa ได้นะ
ในแต่ละปีกว่าที่จะได้ Official Santa ตัวจริงมา เหล่าคุณลุงหลายลุงต้องผ่านการเลือกสรรว่าบุคลิกตรงเป๊ะเหมือนเปี๊ยบมาเป็นอย่างดี
เพราะฉะนั้นการันตีได้ว่าคุณลุงซานต้าที่นี่ ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน
.
แถมถ้าใครผ่านช่วงวัยเด็กที่การขอของขวัญผ่านถุงเท้าที่แขวนหน้าบ้านเป็นแค่เรื่องในฝันมาแล้วละก็
จะบอกว่าไม่จริง!
เพราะที่นี่คือที่ที่จดหมายซึ่งจ่าหน้าซองถึงคุณลุงซานต้าถูกส่งมาจากทั่วทุกมุมโลก
เด็กๆ หลายคนส่งมาเล่าเรื่องราวความดีที่ตัวเองได้ทำเพื่อขอรางวัลวันคริสต์มาสจากคุณลุงกันเต็มเลย
แน่นอนว่ามีจดหมายจากเด็กไทยด้วยเต็มเลยนะ
.
ใครเลยวัยเด็กไปแล้วแบบเราก็อย่าเพิ่งเสียใจไป
เพราะที่นี่เราสามารถทำตัวเป็นซานต้า ส่ง postcard ไปหาเพื่อนๆ ของเราได้เหมือนกัน
และทุก postcard ที่ส่งออกจากที่นี่จะได้รับการ stamp ว่าส่งมาจาก Arctic Circle ด้วย
เราเองก็ส่งกลับบ้านเหมือนกันแหละ : )
Go on a Reindeer Safari
มี Santa Claus ก็ต้องมีกวาง Reindeer
น้องกวางคู่ใจคุณลุง ที่พาคุณลุงเหาะไปแจกของขวัญให้เด็กทั่วโลก
.
ที่ Lapland มีกวาง reindeer อยู่เต็มไปหมดทุกที่
ทุกที่จริงๆ ขนาดที่ว่าขับรถอยู่กลางถนน ก็ต้องมีป้ายเตือนว่าอาจจะเจอน้องกวางข้ามถนนอยู่ได้
.
ไป Lapland ครั้งนี้ เราแวะไปหาน้องกวางที่ฟาร์มด้วย
เห็นน้องกวางคิ้วๆ แบบนี้ เจอตัวจริงเข้าไปเพิ่งรู้ว่าน้องกวางตัวใหญ่มากกก กล้ามใหญ่มากก และขนฟูมากกก
ถึงจะเห็นแก่กินไปหน่อย แต่น้องก็มีความเด๋อด๋า น่ารักแบบเว่อร์ๆ
คือได้กลิ่นอาหารจากเราเป็นไม่ได้เลยนะ มีต้องเดินมาอ้อน มาซบ จะขออาหารงี้
.
แค่นั้นยังไม่พอ เราสามารถจะไปนั่งเลื่อนน้องกวาง reindeer สไตล์เดียวกับคุณลุงซานต้าได้เลยด้วยนะ
มีความฟรุ้งฟริ้ง สามารถเปิดเพลย์ลิสต์คริสมาสต์คลอ และจินตนาการตัวเองว่าเป็นซานต้าเบาๆ
Go Arctic Ice Fishing
ตอนแรกก็คิดว่ามีอยู่แค่ในการ์ตูน
ที่ต้องเจาะนำ้แข็งเป็นรู แล้วหย่อนเบ็ดลงไปตกปลา
ที่ไหนได้มันมีอยู่จริงๆ
.
ด้วยความที่อากาศหนาวจัดแบบอยู่ในช่องแข็ง
น้ำในทะเลสาบเลยกลายเป็นน้ำแข็งหมด เราเลยลงไปเดินเล่นกลางทะเลสาบได้อย่างชิวๆ
แต่ใครจะไปรู้ว่าจริงๆแล้ว มันเป็นน้ำแข็งแค่บนผิวน้ำ ส่วนข้างล่างก็ยังเป็นน้ำให้ปลาว่ายไปว่ายมาเนี่ยแหละ
ส่วนแผ่นน้ำแข็งนี่จะหนาหรือบางก็แล้วก็อากาศนะ
เกิดใครพลาดเดินไปเหยียบลงไปตรงที่บางหน่อย ก็อาจจะตกตุ๋ม ลงไปว่ายน้ำกับปลาเลยก็เป็นได้
.
เราเริ่มตกปลา ด้วยการใช้ปุกรณ์เป็นเกลียวเหล็กปลายแหลมค่อยๆ เจาะน้ำแข็งให้เป็นรู
คือต้องเจาะลงไปลึกประมาณฟุตนึงถึงจะเจอน้ำ
พอได้รูแล้ว ก็ค่อยหย่อนเบ็ดลงไป
คอยกระตุกเบ็ด ล่อปลาเป็นระยะ
จะได้ไม่ได้ปลา ก็ขึ้นอยู่กับดวงแล้วแหละ
.
ไอ้เราก็รอลุ้น รอไปสิครึ่งชั่วโมง
ให้ทายว่าได้มะ ????
.
เสียดายด้วยยยย อดจร้าาา
สงสัยปลาจะหนาว ไม่ยอมออกมากินเบ็ด
แต่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่เจ๋งดี แค่รอลุ้นก็สนุกแล้ว
Build your own Snow House
เค้าว่ากันว่าถ้าอยู่ Lapland แล้วหลงเข้าไปในป่า
วิถีเดียวที่จะสามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางความหนาวก็คือต้องสร้างบ้านหิมะเป็นเกาะกำบัง
.
วิธีการก็คือโกยหิมะจำนวนมหาศาลมารวมกันเป็นกองพะเนิน
แล้วคอยตบหิมะให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เห็นแค่นี้ แต่ของจริงเหนื่อยไม่ใช่เล่น
คือมันหนักกว่าที่คิดเยอะมาก ใครแรงน้อยหน่อยนี่สงสัยจะไม่ไหวแน่นอน
.
พอสร้างหิมะเป็นกองภูเขาเสร็จแล้ว ก็ต้องทิ้งไว้สัก 3 ชั่วโมงให้หิมะมันจับตัวกัน ก่อนที่จะขุดโพรงทะลุเข้าไปให้คนเข้าไปอยู่ได้
ถ้าไม่ทิ้งไว้ให้มันจับตัวกันซะก่อน ขุดโพรงเข้าไปเลย รับรองว่าบ้านหิมะถล่มแน่นอน
.
ถึงแม้อุณหภูมิข้างนอกจะหนาวแค่ไหน เค้าบอกว่าภายในบ้านหิมะนี้ จะอุ่นกว่าหลายเท่า
แล้วอย่างน้อยก็กันลมได้ชัวร์ๆ
พอสร้างบ้านเสร็จ เราเองลองมุดเข้าไปอยู่สักพักนึง เออ อุ่นจริงๆด้วยหวะ
Enjoy Cross-Country Ski
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Cross-Country Ski คืออะไร
เล่น Ski ข้ามประเทศรึเปล่านะ แล้วต่างจาก Ski ปกติยังไง
.
จริงๆ แล้ว Cross-Country Ski คือการเล่น Ski เข้าไปในป่า
ปกติ Ski ที่เราคุ้นๆกัน คือการเล่นสไลด์ลงมาจากภูเขาใช่มะ
แต่ Cross-Country Ski คือ Ski ทางราบ ที่ใช้ไม้อุปกรณ์สองอันสไลด์ตัวเองไปข้างหน้า
.
ความสนุกก็คือเห็นคนอื่นล้มลุกคลุกคลาน แล้วก็ตัวก็ล้มแล้วล้มอีกด้วยเหมือนกัน
คือเราเล่น Ski เข้าไปในป่าสนไกลหลายกิโล ด้วยความที่เป็นมือใหม่ ก็เลยล้มแล้วล้มอีก
ตอนแรกก็ล้มทุกๆ สิบเมตร สักพักเริ่มเก่งขึ้นหน่อย ทีนี้ก็ไปเร็วฉลุยเลยยย
แต่ไม่ต้องห่วง ล้มแค่ไหนก็ไม่เจ็บ เพราะมีหิมะหนานุ่นรอรับอยู่ เหมือนทิ้งตัวลงบนฟูกนิ่มๆ ยังไงยังงั้นเลยย
.
ด้วยความที่ต้องออกแรงเยอะมากกกก แล้วตอนแรกก็กลัวหนาว ใส่เสื้อผ้ามาซะเยอะ
รู้ตัวอีกที ข้างในนี่เหงื่อออกเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ถอดเสื้อผ้าออกแทบไม่ทัน
.
เล่นไปสามชั่วโมง รวมระยะทางประมาณ 5 กิโล
บอกเลยว่าตอนนี้เซียนมาก เล่นอีกทีครั้งหน้า ไม่มีล้มให้อายใครแน่นอน
Stay warm in a Lappish Cottage
คน Lapland ส่วนใหญ่จะอยู่กันในกระท่อม
บ้านที่เราไปอยู่ก็เหมือนกัน มีความเป็นนิยายมากกก
.
เป็นบ้านไม้ชั้นครึ่ง อยู่กลางป่าท่ามกลางหิมะขาวโพลน
ไต่บันไดขึ้นไปมีห้องนอนอยู่ใต้หลังคา ที่มีกระจกให้มองออกไปเห็นดาวเต็มไปหมด
หรือถ้าโชคดี ก็อาจจะได้เจอ Aurora มาทักทายถึงบนเตียง
.
ในบ้านมีห้องครัวเล็กๆ ให้ทำอาหาร
มีห้องนั่งเล่นกับโซฟาตัวนุ่ม อยู่หน้าเตาผิง
ก่อไฟอุ่นๆ เปิดเพลงเบาๆ จิบช๊อคโกแล็ตร้อนๆ
.
โอ้ยยยย ฟินมากก
สำหรับเราแล้ว Lapland คือดินแดนในฝันที่มีอยู่จริ
การเดินทางที่ดูเหมือนแค่เป
.
เพราะไม่ใช่แค่ต้องทุบ Bucket กระปุกหมูอันใหญ่
แต่คือการเอาตัวเองไปอยู่ท่
แถมด้วยอุณหภูมิติดลบถึง 20 องศาเซลเซียสนิดๆ
ต่างจากอากาศดั้งเดิมที่ร่า
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่ตั้งเป้า เอาชนะมัน แล้วเมื่อไหร่ความฝันจะเป็น
.
บนโลกนี้ยังมีดินแดนในฝันให
อย่าให้ความกลัว ความหนาว ความกระเป๋าตังแห้ง จำกัดกรอบชีวิตของเราไว้ในท
เรามาก้ามข้าวอุปสรรค แล้วขีดฆ่าขีดจำกัดออกไปกัน
อย่ารอให้ความฝันของเรา เป็นอยู่ได้แค่ความฝันล่ะ
ออกไปเผชิญโลกกว้าง ใช้ชีวิตให้คุ้ม
แล้วไปทำความฝันให้เป็นความ
.
#gogetlostLapland
#TestedTough
#ColumbiaTH
2 comments
Comments are closed.