10 Thailand Trekking Guide
รวม 10 เส้นทางเดินป่า พิชิตภูเขาสูงในไทย
ว่ากันว่าแม้การเดินป่า เดินเขาจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ถ้าได้ลองไปสักครั้งแล้ว ไม่ว่าใครก็จะอยากกลับไปอีก เพราะการพิชิตภูเขาสักลูกเหมือนได้เอาชนะจิตใจตัวเองนั่นเอง
ทำงานในกรุงเทพฯ แบบ 5 วันเต็มเจอแต่มลภาวะ ตึกสูงระฟ้า และการจราจรแสนจะติดขัด เราเลยอยากชวนทุกคนฟิตร่างกายให้พร้อม ออกจากป่าคอนกรีตแล้วเดินเข้าป่าของจริงกัน ตลอดทางรายล้อมด้วยธรรมชาติ ต้นไม้นานาพรรณ มีเส้นทางให้ทุลักทุเล ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่รับรองว่าถ้าผ่านไปได้แล้วจะได้พบกับวิวธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้ในเมืองกรุงอย่างแน่นอน
ถือโอกาสรวบรวม 10 เส้นทางเดินป่าสำหรับผู้เริ่มต้นและมือโปรมาฝากทุกคนกัน ใครที่เป็นมือใหม่อาจจะเริ่มเดินจากเขาง่ายๆ ก่อน ส่วนถ้าใครเดินมาเยอะแล้วก็อยากให้วอร์มร่างกาย เตรียมตัวเดินเขาลูกใหม่ๆ กัน
ต้นไม้เขียวๆ รอทุกคนอยู่ ตามมาดูใต้โพสต์นี้เลย
・ ภูสอยดาว
- ระยะทาง : 13 km (Round Trip)
- ความสูง: 2,102 m
- ระยะเวลา: 3 วัน 2 คืน
- ช่วงเวลาที่ควรไป: สิงหาคม – มกราคม
- ความยาก: 3/5
ภูสอยดาวมีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าทั้งจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอุตรดิตถ์ สูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทยเลย ใครที่เป็นสายเดินป่า สายถ่ายรูป สาย ชอบธรรมชาติเราว่าภูสอยดาวควรค่าแก่การมาเป็นอย่างยิ่งเพราะมาที่นี่จะเดินผ่านเนินทั้ง 5 เนิน ซึ่งระหว่างนั้นเราจะได้เอ็นจอยไปกับวิวต้นไม้ ดอกไม้ น้ำตก อยู่ตลอดทาง และถ้าเดินไปถึงลานสนด้วยแล้วก็รับประกันเลยว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะอากาศดีมาก ถ้ามีหมอกด้วยนิดๆ ก็จะถ่ายรูปออกมาแล้วสวยจริงๆ ส่วนตอนกลางก็สามารถนอนดูดาวได้เลย ดาวเยอะมากๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมที่นี่ถึงชื่อว่าภูสอยดาว
ถ้ามาช่วงเดือนสิงหาถึงตุลา จะพบกับทุ่งดอกหงอนนาคที่พร้อมใจกันบาน อาจจะเดินเหนื่อยหน่อยแต่รับรองความคุ้มค่า
・ม่อนจอง
- ระยะทาง: 12 km (Round Trip)
- ความสูง: 1,949 m
- ช่วงเวลาที่ควรไป: พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์
- ความยาก: 1/5
ม่อนจองเป็นยอดดอยที่สูงเป็นอันดับ 7 ของประเทศไทยเลยนะ! ความสูงประมาณ 1,949 เมตรจากระดับน้ำทะเล การจะมาถึงยอดดอยม่อนจองต้องเดินขึ้นมาประมาณ 6 กิโลเมตร เราใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง แต่เดินไม่ยากเลย เดินเพลินๆ แป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว
จุดไฮไลท์คือทุ่งหญ้าสีทองที่ลาดขึ้นไปตามยอดเขาเป็นรูปหัวสิงห์ ยิ่งถ้าอากาศหนาวๆ กางเต็นท์นอนดูดาว หรือตอนเย็นมานั่งดูพระอาทิตย์ตกนี่มันโรแมนติกสุดๆ แต่ขอบอกก่อนว่าม่อนจองไม่ได้ไปกันได้ทั้งปีนะ เปิดให้เข้าชมได้เฉพาะช่วงหน้าหนาวเท่านั้นคือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงกลางๆ กุมภาพันธ์เท่านั้น เพราะว่าเป็นฤดูของช้างป่าที่จะออกมาเดินหากินแถวๆ ดอยนี่เอง
เชื่อว่าเป็น Wish List ของใครหลายๆ คนแน่นอนเพราะนอกจากจะเดินไม่ยาก วิวข้างบนยังสวยแบบส๊วยสวย คุ้มค่ากับเวลาเดินดีจริงๆ
เราเองก็เคยไปที่นี่มาด้วย ใครกำลังสนใจมาโดนป้ายยาได้เลย
แบบวิดีโอ: http://bit.ly/VDO-Mon-Jong
อ่านในเว็บ: https://gogetlost.co/doi-mon-jong/
・ดอยหลวงเชียงดาว
- ระยะทาง: 15 km (Round Trip)
- ความสูง: 2,275 m
- ช่วงเวลาที่ควรไป: พฤศจิกายน – มีนาคม
- ความยาก: 3/5
ถ้ามาเดินเขาที่ภาคเหนือแล้วอีกที่ที่ไม่อยากให้พลาดคือดอยหลวงเชียงดาว ยอดเขาที่สูงที่สุด เป็นอันดับ 3 ในประเทศไทย รองจากดอยอินทนนท์ และดอยผ้าห่มปก
ด้วยความที่สูงถึง 2,275 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้ดอยหลวงเชียงดาวปกคลุมไปด้วย เมฆ หมอก และอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ส่วนทางเดินขึ้นจะค่อนข้างชันเป็นบางช่วง ว่ากันว่าถ้าเดินชมวิวเพลินๆ ไม่ระวังก็อาจจกตกเขาได้เลย
เรื่องความสูง ความโหดของเส้นทางแล้วที่นี่ยังพบพืชพรรณหลากหลาย ทั้งพืชเขตร้อน เขตร้อนและเขตอบอุ่น นอกจากนี้ที่นี่ยังมีนกอาศัยอยู่กว่า 300 ชนิดเลย สัตว์ป่าหายากก็มี เรียกว่าเป็นดอยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากๆ
แต่ว่าเมื่อปีที่แล้วดอยหลวงเชียงดาวมีไฟไหม้ครั้งใหญ่ เลยปิดปรับปรุงพื้นที่ตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 62 – กุมภาพันธ์ ปี 63 ดอยหลวงเชียงดาวจะขึ้นอีกครั้งได้เมื่อไหร่ต้องรอประกาศจากทางดอยอีกทีนะ หรือถ้าใครอยากติดต่อสอบถามเพิ่มเติมแนะนำให้โทรไปที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว 089-955-1417
・ภูกระดึง
- ระยะทาง: 18 km (Round Trip)
- ความสูง: 1,316 m
- ระยะเวลา: 3 วัน 2 คืน
- ช่วงเวลาที่ควรไป: ฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-31 พฤษภาคมของทุกปี และช่วงปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายนของทุกปี
เรียกว่าหน้าหนาวเมื่อไหร่ภูกระดึงจะต้องอยู่ในลิสต์ต้นๆ ของคนที่อยากลองเดินป่า ปีนเขาอย่างแน่นอน ด้วยความสูงกว่า 1,316 เมตรทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปีและถ้าในฤดูหนาวอาจจะต่ำจนถึง 0 องศาเลยทีเดียว
ภูกระดึงเหมาะมากสำหรับคนเพิ่งหัดขึ้นเขาเพราะที่นี่เขามีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้พร้อม ไม่ต้องเตรียมอะไรมากมาย เตรียมมาแค่กำลังกาย กำลังขาก็อยู่รอดสบายๆ แล้ว นอกจากนั้นเส้นทางยังถือว่าไม่ได้โหดมาก มีน้ำตกและผาสวยๆ ให้แวะเที่ยวตลอดทาง
ปกติจากตีนเขาไปถึงจุดกางเต็นท์จะไปกลับทั้งหมด 18 km นะ แต่ถ้าใครอยากเดินต่อหลังจุดกางเต็นท์จะมีน้ำตก ผานกแอ่น (จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น) ผาหมากดูก (ชมพระอาทิตย์ตก) ผาหล่มสัก หรือจะไปชมสระอโนดาตยามเย็นก็ได้เหมือนกัน
ถ้าใครที่ไม่เคยเดินป่ามาก่อนแล้วอยากมาลองเราแนะนำที่นี่เลย เดินไม่ยากมากและบนยอดมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกและชมวิวทะเลหมอกที่สวยมากๆ คุ้มเหนื่อยแน่นอน
・กิ่วแม่ปาน
- ระยะทาง: 3 km (Round Trip)
- ความสูง: 2,157 m
- ช่วงเวลาที่ควรไป: ตุลาคม – มีนาคม
- ความยาก: 1/5
ใครที่ยังไม่เคยเดินป่า เดินเขามาก่อนเลย แล้วอยากจะลองเริ่มเดิน เราแนะนำว่าให้เริ่มเดินจากกิ่วแม่ปานเป็นที่แรกดูก่อน เพราะว่าเดินง่าย ไม่ยาก และวิวก็สวยยมากเหมือนกัน
กิ่วแม่ปาน เป็นจุดชมวิวที่ยังมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และเป็นจุดที่ใครหลายๆ คนเดินขึ้นมาเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน ส่วนเส้นทางการเดินก็ไม่ยากเพราะส่วนใหญ่จะเป็นทางราบมากกว่า ระหว่างทางจะได้ศึกษาธรรมชาติตลอดทาง ทั้งป่าดิบชื้นที่มีมอร์สและเฟิร์นขึ้นอย่างหนาแน่น ทุ่งหญ้า ต้นกุหลาบพันปีสีแดง และป่าดิบเขาก็ถือว่าครบจบเส้นทางศึกษาธรรมชาติแล้ว
แต่ถ้ายังไม่จุใจอยากให้ทุกคนลองแวะไปที่ผาแง่มน้อย ที่มีระเบียงไม้สร้างเรียบไหล่เขา บริเวณนี้สามารถมาเดินชิลๆ พักกินลมชมวิว ดูทะเลหมอกได้ด้วยย เรียกว่าคุ้มมาก เดินไม่ยาก มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มีจุดชมวิว ครบ จบในที่เดียวเลย
・เขาหลวงสุโขทัย
- ระยะทาง: 7.4 km (Round Trip)
- ความสูง: 1,200 m
- ช่วงเวลาที่ควรไป: มิถุนายน – มกราคม
- ความยาก: 2/5
ถ้าใครอยากลองเดินป่าที่ง่ายกว่าภูกระดึงขึ้นมาอีกหน่อย เราแนะนำเขาหลวงสุโขทัยเลย สวยเหมือนกัน โดยเขาหลวงสุโขทัย ถือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดสุโขทัย สูง 1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล มี 4 ยอดเขาสำคัญ คือ ยอดเขาเจดีย์ ยอดเขานารายณ์ (จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น) ยอดเขาภูกา และยอดเขาแม่ย่า (จุดชมพระอาทิตย์ตก)
แม้ระยะทางเดินอาจจะไม่ไกลมากนักแต่มีทางชันหลายช่วงอยู่เหมือนกัน ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่นี่เค้าก็มีให้ครบ ทั้งน้ำดื่ม ห้องน้ำ ร้านค้า เรียกว่าเหมาะสำหรับผู้อยากเริ่ม Trekking เลยทีเดียว
ถ้าใครมาเดินที่นี่ต้องรีบตื่นแต่เช้ามาถ่ายทะเลหมอกด้วยน้า ว่ากันว่าสวยมากจริงๆ
・ดอยผ้าห่มปก
- ระยะทาง: 7 km (Round Trip)
- ความสูง: 2,285 m
- ช่วงเวลาที่ควรไป: ตุลาคม – มิถุนายน
- ความยาก: 2/5
ดอยผ้าห่มปกหรือชื่อปัจจุบันคือดอนฟ้าห่มปกนี้มีสูงถึง 2,285 ทำให้ดอยผ้าห่มปกมีหมอกยอดดอยและอากาศหนาวเย็นแทบจะตลอดทั้งปี ถ้าโชคดีเดินขึ้นมาจนถึงยอดเขาก็จะได้เห็นทะเลหมอกสวยๆ แน่นอน
ดอยสำคัญ คือ ดอยฟ้าห่มปก ดอยปู่หมื่น ดอยแหลม และดอยอ่างขาง สภาพป่าโดยรวมถือว่าอุดมสมบูรณ์มากกและที่นี่ยังเป็นต้นน้ำของแม่น้ำฝางอีกด้วย
ว่ากันว่าถ้ามาดอยฟ้าห่มปกห้ามพลาดโป่งน้ำร้อนฝาง บ่อน้ำธรรมชาติที่เกิดจากความร้อนใต้ดิน ที่นี่มีห้องอาบน้ำและอบไอน้ำ บ่ออาบน้ำร้อนกลางแจ้ง และห้องอาบน้ำแร่ ซึ่งคุณสมบัติของน้ำแร่คือ จะช่วยคลายปวดเมื่อย ช่วยเลือดไหลเวียนได้ดี และยังมีถ้ำห้วยบอน ถ้ำขนาดใหญ่ที่ลึกประมาณ 300 เมตร ข้างในเต็มไปด้วยหินงอก หินย้อย
ระหว่างเดินเราอยากให้สังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยกันด้วย เพราะดอยฟ้าห่มปกมีนกและผีเสื้อที่น่าสนใจมากมาย เช่น นกปีกแพรสีม่วง นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง และผีเสื้อมรกตผ้าห่มปกที่พบได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เรียกว่าเป็นอีกดอยที่เหมาะแก่การเดินเพื่อศึกษาธรรมชาติมากๆ
・ เขาช้างเผือก
- ระยะทาง: 16 km (Round Trip)
- ความสูง: 1,249 m
- ช่วงเวลาที่ควรไป: พฤศจิกายน – มกราคม
- ความยาก: 2/5
มากาญจนบุรีนอกจากจะมาล่องแพแล้ว อยากชวนให้มาเดินเขากันสักหน่อย ภูเขาที่นี่สวยไม่แพ้ที่อื่นเลย : )
แต่ก่อนจะมาเดินเขาช้างเผือกต้องจองล่วงหน้า 7 วันก่อนมานะ เพราะที่นี่เค้าจำกัดคนขึ้นได้ไม่เกิน 60 คนเท่านั้น ปกติแล้วจะเปิดจองช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม
เขาช้างเผือก ถือว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีเส้นทางเดินป่าที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม และตื่นเต้นเป็นระยะๆ ส่วนจุดไฮไลท์ของที่นี่คือสันคมมีด สันเขาที่ทอดตัวยาวไปเรื่อยๆ เวลาเดินขึ้นไปจะรู้สึกหวาดเสียวนิดๆ แต่จะเห็นวิวได้แบบ 360 องศาเลย เรียกว่าเสียวหน่อยแต่คุ้มค่ามากก
・เขาสันหนอกวัว
- ระยะทาง: 18 km (Round Trip)
- ความสูง: 1,767 m
- ช่วงเวลาที่ควรไป: ตุลาคม – กุมภาพันธ์
- ความยาก: 2/5
ถ้าใครติดใจเขาช้างเผือกแล้วอยากให้มาเดินกันต่อที่เขาสันหนอกวัว สูงขึ้นมาอีกหน่อยและวิวสวยเหมือนกัน
เขาสันหนอกวัวถือว่าเป็นยอดเขาสูงที่สุดในกาญจนบุรีเลย ตัวภูเขาอยู่ติดกับเขตทุ่งใหญ่นเรศวร ธรรมชาติโดยรอบเลยยังอุดมสมบูรณ์ ระหว่างทางเดินขึ้นมาจะเจอกับต้นไม้หลากหลายพันธ์ขึ้นหนาแน่น อากาศชุ่มชื้น แถมที่นี่ยังมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ด้วยน้า ทางอุทยานจะให้เจ้าหน้าที่เป็นคนนำทางขึ้นไปเพื่อกันการหลงป่าและอุบัติเหตุต่างๆ
จุดไฮไลท์ของที่นี่คือบริเวณเขาที่มีลักษณะสันนูนบนหลังวัวจึงเป็นที่มาของภูเขาที่ชื่อว่าสันหนอกวัวนั่นเอง ใครมากาญจนบุรีแล้วอยากขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงนะ : )
・ ภูแว
- ระยะทาง : 16 km (Round Trip)
- ความสูง: 1,837 m
- ช่วงเวลาที่ควรไป: พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์
- ความยาก: 3/5
ภูแวคือยอดเขาลูกหนึ่งบนดอยภูคา อ.ปัว จ.น่าน ลักษณะส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งหญ้าและมีลานหินกระจายอยู่หลายแห่ง การจะเดินถึงยอดก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลย ต้องเดินบุกป่าฝ่าดงข้าวโพดไปประมาณ 4-5 ชั่วโมงนะ กว่าจะถึงยอด! และต้องจ้างเจ้าหน้าที่อุทยานนำทางไปด้วย 1 คน โดยเราควรมาถึงที่จุดเริ่มไม่เกิน 11 โมง เผื่อเวลาเดินไว้เลย 6 ชั่วโมง เพราะไม่รู้กำลังขาใครเท่าไหนบ้างเพราะฉะนั้นรีบมาจะดีกว่า
เราเตรียมใส่รองเท้ากีฬาดอกยางแน่นมาแค่ไหนก็ยังไม่วายลื่น เพราะบางที่ชันและลื่นมากจริงๆ ถ้าเดินเลาะทุ่งข้าวโพดมาเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ เจอต้นไม้เขียวๆ ป่าในนี้อุดมสมบูรณ์ดี มีที่ราบให้ตั้งแค๊มป์เพียบ!
ใครมาเที่ยวน่านแล้วลองแวะมาเดินภูแวกันนะ
แต่ก่อนมาอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ วิวสวยๆ อากาศดีๆ รออยู่
เราเคยไปเดินที่ภูแวมาด้วยดูรูปเต็มๆ ได้ใน https://gogetlost.co/nan/ ❖