10 Secondary Cities เที่ยวเมืองรองใกล้กรุงเทพฯ
ช่วงนี้หลายคนน่าจะกำลังหาที่เที่ยวช่วงสิ้นปีกันอยู่ใช่ไหม แต่จะขึ้นเหนือ ลงใต้ก็ล้วนแล้วแต่ต้องเจอรถติด คนเยอะจนอาจทำให้เที่ยวไม่สนุก อดพักผ่อนกันได้ เราเลยเอาไอเดียเที่ยวเมืองรองใกล้กรุงเทพฯ มาฝากทุกคนกัน
เมืองรองมีถึง 55 จังหวัด คิดเป็น 3 ใน 4 ของจังหวัดทั้งหมดทั่วประเทศไทยเลยทีเดียว เรียกว่าถ้าเปิดใจไปเที่ยวจังหวัดที่ยังไม่แมสล่ะก็ ยังมีอีกหลายจังหวัดให้ออกไปสำรวจเลยนะ เผลอๆ เราอาจจะเจอที่เที่ยวสุดอันซีน โลเคชั่นสวยๆ ที่ยังไม่เคยมีใครเจอก็เป็นได้
วันนี้ขอแนะนำ 10 จังหวัดเมืองรอง เที่ยวได้เพลินๆ ผู้คนยังไม่พลุกพล่านมาฝากกัน นอกจากจะได้พักผ่อนและซึมซับบรรยากาศของสถานที่นั้นได้อย่างเต็มที่แล้ว ยังได้ช่วยกระจายรายได้สู่จังหวัดเล็ก จังหวัดน้อยให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยนะ : )
• จ.อุทัยธานี
(https://gogetlost.co/uthai-thani/)
อุทัยธานี เป็นจังหวัดที่อยู่ภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย ฟังดูเหมือนถ้าขับรถไปน่าจะไกลใช่ไหม แต่จริงๆ แล้วขับรถจากกรุงเทพฯ ไปประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
เมื่อพูดถึงอุทัยธานีหลายคนคงสงสัยว่าที่นี่มีอะไรเที่ยว ? แต่เราแทบจะลืมคำถามนี้ไปทั้งหมดเมื่อได้มาถึงอุทัยธานี แม้จะไม่ได้เป็นจังหวัดที่ดูหวือหวา แต่เท่าที่อยู่มา 3 วัน 2 คืน จังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบแสนเรียบง่าย ผู้คนยิ้มแย้มให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี และยิ่งกว่านั้นคือธรรมชาติสุด Unseen ที่สวยจนนึกว่าไม่ได้อยู่ไทย
ถ้าใครได้มาเที่ยวอุทัยธานีแนะนำให้มาที่หุบป่าตาด ดินแดนป่าดึกดำบรรพ์ อายุกว่า 230-250 ล้านปี ทั้งความลึกลับของถ้ำและความเขียวครึ้มของต้นตาด ก็เลยกลายเป็นบรรยากาศแบบป่าโบราณคล้ายในหนังจูราสสิกพาร์คเลยย
นอกจากนั้นยังมีมีจุดถ่ายรูปสวยๆ อีกเยอะแยะเลย ไม่ว่าจะเป็นบ้านไร่ชายเขา วิวเหมือนอยู่ที่สวิส หรือต้นไม้ยักษ์บ้านสะนำ รวมถึงมีย่านเมืองเก่าให้ได้เดินเล่น ทานอาหารอร่อยๆ อีกด้วย
ใครชอบจังหวัดที่คนยังไม่เยอะ เที่ยวได้สบายๆ ล่ะก็ลองเก็บอุทัยธานีไว้เป็นไอเดียกันดูนะ : )
#gogetlostUthaiThani
• จ.ปราจีนบุรี
(https://bit.ly/gogetlost-Nakhon-Nayok-Prachinburi)
ปราจีนบุรีเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับนครนายก เรื่องแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็ดีไม่แพ้กับนครนายกเลยนะ โดยเฉพาะกิจกรรมล่องแก่งที่ถ้าใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ล่ะก็ไม่ควรพลาดเลย
สถานที่ที่เราอยากแนะนำสำหรับสายล่องแก่ง คือ ล่องแก่งหินเพิง ที่ต้องเดินป่าระยะสั้นเข้าไปก่อน เมื่อถึงแล้วก็จะเจอกับน้ำตกขนาดใหญ่ ทางพี่เจ้าหน้าที่เขาก็จะเตรียมเรือยางพร้อมนายเรือ ท้ายเรือเอาไว้ให้พร้อมให้เราออกไปล่องแก่งได้อย่างปลอดภัยหายห่วง น้ำที่นี่ก็แรงกำลังดี เล่นล่องแก่งได้แบบสนุก มีจังหวะให้ได้ตื่นเต้นอยู่ตลอดๆ
นอกจากกิจกรรมแอดเวนเจอร์แล้วยังมีอุทยานแห่งชาติทับลานให้ได้ออกไปเที่ยวใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกด้วย หรือถ้าใครอยากอยู่ในที่พักสบายๆ มีกิจกรรมให้ทำก็มี The Verona at Tub Lan ไว้ให้ทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์สนุกๆ อีกเพียบ
เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีธรรมชาติและกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำได้ไม่รู้เบื่อเลย
• จ.ราชบุรี
ขับรถจากกรุงเทพฯ ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงตัวเมืองราชบุรีแล้ว
แม้ราชบุรีจะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่มีที่เที่ยวสวยๆ เยอะแยะมาก เช่น อุทยานหินเขางู หรือเหมืองเก่าที่ตอนนี้ได้ยกระดับให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีกิจกรรมอย่างปั่นเรือถีบและเดินเล่น ถ่ายรูปรอบๆ ได้
หรือถ้าใครเป็นสายเที่ยวธรรมชาติก็มี น้ำตกแก่งส้มแมว ซึ่งมีน้ำใสไหลเย็นให้ลงไปเล่น มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติและพันธุ์ไม้นานาชนิดที่อยู่รอบๆ ด้วย และยังมีสวนผึ้ง สถานที่เที่ยวยอดนิยมที่ไปแล้วจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อมเที่ยวฟาร์มแกะไปพร้อมๆ กัน
ใครที่เป็นสายแคมป์ปิ้งจะหาลานกางเต็นท์ล่ะก็ เดี๋ยวนี้ที่ราชบุรีก็มีเปิดให้มากางเต็นท์ริมน้ำ ชมวิวภูเขาเหมือนกันนะ แต่ละที่ก็วิวสวยแตกต่างกัน มีหลายที่ให้เลือกตามใจชอบ
สามารถมาเที่ยวราชบุรีช่วงเสาร์ – อาทิตย์ได้เพราะจังหวัดไม่ใหญ่มาก ถ้าวางแพลนดีๆ ก็สามารถเก็บที่เที่ยวได้เยอะเลย : )
• จ.อ่างทอง
(https://bit.ly/gogetlost-Ang-Thong)
หนึ่งในจังหวัดที่เราไปเที่ยวบ่อยๆ ช่วงเสาร์ – อาทิตย์ คงหนีไม่พ้นจังหวัดอยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อนนี่เอง แต่คราวนี้อยากแนะนำจังหวัดข้างๆ อย่างอ่างทองกันด้วย
จังหวัดอ่างทองเหมาะสำหรับใครที่เป็นสายชอบเที่ยววัด ดูสถาปัตยกรรมสวยๆ เพราะที่นี่มีวัดเป็นจำนวนมาก ไม่แพ้อยุธยาเลยนะ เช่น วัดม่วง จุดเด่นของวัดคือมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีหน้าตักกว้าง 63 เมตร สูง 95 เมตร ประดิษฐานอยู่ ชาวบ้านจะเรียกติดปากกันว่า “หลวงพ่อใหญ่” และบริเวณถนนเส้นรอบๆ วัดม่วง ยังมีคาเฟ่อยู่ร้านเลย สามารถไปนั่งกินกาแฟ รับลมเย็นๆ ชมวิวทุ่งนากันได้
นอกจากวัดวาอารามแล้ว จังหวัดอ่างทองก็ยังขึ้นชื่อเรื่องงานฝีมือด้วย อย่างการปั้นตุ๊กตาชาววัง ที่ปัจจุบันหาชมได้ยากแล้ว ถ้าใครอยากมาลองปั้นตุ๊กตาก็สามารถติดต่อเข้าไปได้ที่ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จได้เลย จะมีคุณลุง คุณป้าคอยสอนอยู่
หรือถ้าใครเป็นสายชอบงานฝีมือล่ะก็แนะนำที่ชุมชนจักสาน บางเจ้าฉ่าเลย ที่นี่เขามีสินค้า OTOP ขาย เช่น ตะกร้าสาน กระบุงสาน และกระเป๋าสานสวยๆ ให้เลือกซื้อเยอะแยะมากมาย น่าจะถูกใจสายช็อปปิ้ง : )
• จ.นครนายก
▪︎ ทริปนครนายก – ปราจีนบุรี:https://bit.ly/gogetlost-Nakhon-Nayok-Prachinburi
▪︎ เขื่อนขุนด่านปราการชล: https://gogetlost.co/khun-dan-prakarn-chon
ลองจินตนาการถึงภาพต้นไม้ตลอดสองข้างทาง ป่าเขียวๆ สุดอุดมสมบูรณ์ น้ำตกใสแจ๋ว เขื่อนสวยๆ พร้อมกิจกรรมสุดแอดเวนเจอร์อย่างขี่ม้า ปีนเขา และล่องแก่งมันส์ๆ ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงจังหวัดติดน้ำ ใกล้กรุงเทพฯ อย่างนครนายกนั่นเอง
ขอเริ่มที่เขื่อนกันก่อนเลย สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวชิลๆ เน้นดื่มด่ำกับธรรมชาติเราขอแนะนำเขื่อนขุนด่านปราการชล พอมาถึงแล้วจะเหมือนหลงอยู่ในเทพนิยายสักเรื่อง มีพื้นที่สีเขียวปกคลุมด้วยหญ้า รายล้อมไปด้วยนก ต้นไม้ ลำธารใสแจ๋ว เหมาะมากที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจ สูดอากาศบริสุทธิ์ ใครจะมาก็เผื่อเวลากันไว้เยอะหน่อย จะได้เที่ยวได้ทั้งวัน
ส่วนถ้าใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ก็แนะนำให้มาล่องแก่งที่แก่งสามชั้น บริเวณนี้จะมีน้ำไหลเชี่ยวมากที่สุดและตื่นเต้นที่สุด เพราะก่อนถึงแก่งตรงนี้เราต้องแอดเวนเจอร์โค้งหักศอกก่อนแล้วต่อด้วยหินที่ลาดเอียงลงมาเป็นบันได สายชอบความตื่นเต้นน่าจะชอบ
ถ้ายังแอดเวนเจอร์ไม่พอที่นครนายกก็ยังมีกิจกรรมปีนเขาด้วย สามารถไปเล่นกันได้ที่เขาหล่นผจญภัยได้ นอกจากนั้นที่นี่ยังมีจุดไฮไลท์คือตรงสะพานไม้ที่เลียบไปกับภูเขาและทุ่งหญ้าเขียวๆ มองออกไปจะเห็นภูเขาและต้นไม้เรียงรายกัน แนะนำให้มาช่วงเย็นๆ นะ เพราะแสงกำลังสวย แดดจะกระทบกับทุ่งหญ้าทั้ง 2 ฝั่งจนเป็นสีเหลืองทอง ถ่ายรูปสวยแน่นอนน : )
เรียกว่าครบจบในจังหวัดเดียวทั้งภูเขา น้ำตก และกิจกรรมสนุกๆ เลย
• จ.ตราด
หากใครเที่ยวชลบุรี ระยองจนเบื่อแล้ว เราอยากให้ขับรถออกมาอีกหน่อยก็จะถึงจังหวัดตราด จังหวัดที่มีน้ำทะเลใสแจ๋วและอาหารทะเลราคาย่อมเยารออยู่
เห็นตราดเป็นจังหวัดเล็กๆ แบบนี้แต่ภายในจังหวัดมีเกาะยู่เยอะมาก เช่น
▪︎ เกาะช้าง: เกาะที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก
▪︎ เกาะกูด: ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจังหวัด และใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ
▪︎ เกาะหมาก: เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจังหวัดตราด
▪︎ เกาะรัง: เกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องการดำน้ำตื้น
▪︎ เกาะขาม: น้ำทะเลใสมากก เหมาะแก่การดำน้ำดูปะการัง
แต่ละเกาะล้วนมีน้ำทะเลใสแจ๋ว ธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก เหมาะแก่การใช้วันหยุดไปพักผ่อนหย่อนใจ นั่งชิลๆ ริมทะเลเป็นที่สุด : )
• จ.จันทบุรี
(https://gogetlost.co/chanthaburi-city-guide/)
อีกจังหวัดแห่งภาคตะวันออกที่สงบและไม่วุ่นวายเหมาะแก่การมาพักผ่อนที่แท้
ด้วยความที่จันทบุรีมีส่วนหนึ่งที่ติดกับทะเล อีกส่วนก็อยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านความหลากหลายก็จะมีตั้งแต่ วิวสวยๆ ริมชายหาด ชุมชนที่มีประวัติศาสตร์เยอะแยะมากมาย แถมความหลากหลายเรื่องอาหารนี่ก็มีให้เลือกเยอะ รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง ใครมาเที่ยวรับประกันตัวแตกแน่นอน : )
ถ้าใครมาเที่ยวจันทบุรีแนะนำให้ไปเดินเล่นในชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร หาอาหารโลคอลกิน บ่ายๆ หน่อยไปเดินเล่นที่ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน และขับรถออกมาหน่อยเที่ยวหน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำ อ่าวคุ้งกระเบน ตกเย็นขับรถเลียบหาดแบบมีสันเขาขนาบข้างที่เนินนางพระยาก็เป็นอันจบทริปได้อย่างฟินๆ
เหมาะมากกับการมาเที่ยวช่วงเสาร์ – อาทิตย์ ไม่ต้องลาเพิ่มก็เที่ยวได้แบบสบายๆ เลย
• จ.สมุทรสงคราม
(https://gogetlost.co/samutr-songkhram-weekend-wanderers/)
อยากไปสัมผัสวิถีชีวิตแบบโลคอลแท้ๆ แนะนำจังหวัดสมุทรสงครามเลย ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่เกิน 2 ชม. ใกล้ๆ แค่อัมพวานี่เอง
ใครอยากได้บรรยากาศสงบๆ ลองเลือกไปพักบ้านโฮมสเตย์ของคนในพื้นที่ริมน้ำกันดู อย่างเราตอนไปสมุทรสงครามเลือกไปพักที่บ้านริมคลองโฮมสเตย์ จะมีกิจกรรมให้ทำมากมายไม่ว่าจะเป็น เรียนรู้การทำจักสาน ทำขนมต้ม ทำน้ำตาลมะพร้าว ล่องเรือชมวิถีชีวิตริมน้ำ ชมวิถีชีวิตชาวสวน และเที่ยวตลาดน้ำ
หรือถ้าอยากมาเที่ยวแบบ 1 Day Trip ที่นี่ก็เหมาะเป็นอย่างยิ่ง อาจจะเริ่มด้วยการหาอะไรกินที่ตลาดน้ำ เช่น ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำท่าคา ตลาดน้ำบางน้อย ก็จะมีคุณลุง คุณป้ามาขายอาหารอร่อยๆ เพียบ บ่ายก็นั่งเรือชมดอนหอยหลอด เย็นๆ หน่อยไปคลองโคลน ชมป่าชายเลน ก็เป็นอันจบทริปง่ายๆ ใน 1 วัน : )
ใครเป็นสายชอบเที่ยวแบบโลคอลชมวิถีชีวิตริมคลอง กินอาหารพื้นบ้านล่ะก็ไม่ควรพลาดเลย
• จ.ลพบุรี
▪︎ ทริปลพบุรี: https://bit.ly/gogetlost-Lopburi-Saraburi
▪︎ https://bit.ly/gogetlost-Pasak-Jolasid-Dam
ลพบุรีไม่ได้มีแค่ลิงและทุ่งดอกทานตะวันเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีธรรมชาติสวยๆ อย่างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ด้วยนะ มาถึงแล้วจะเห็นวิวทุ่งหญ้าสีเขียว เห็นน้องวัวกำลังกินหญ้าอยู่ไกลๆ แสงแดดและสายลมอ่อนๆ กระทบกับดอกหญ้า อากาศกำลังเย็นสบายเลย
จุดไฮไลท์ของที่นี่คือรถไฟลอยน้ำ ถ้าอยากขึ้นต้องนั่งรถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ทางการรถไฟจะจัดทัวร์แบบไปเช้า – เย็นกลับ เฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคมของทุกปีเท่านั้น (ปีนี้ก็มีเปิดให้จองแล้วน้า ยังไงลองไปดูรายละเอียดกันที่ www.railway.co.th/ ได้เลย) แต่ถ้าใครไม่อยากขึ้นรถไฟแค่อยากมาถ่ายรูปรถไฟวิ่งบนสะพานเฉยๆ ก็ให้ปักหมุดที่สถานีโคกสลุงได้ ช่วงน้ำลดถ่ายรูปแล้วจะเห็นทุ่งหญ้าเขียวๆ บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยล่ะ
ที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ก็มีนะ ทั้งพระปรางค์สามยอดและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ ที่ให้ไปเดินเล่นชมโบราณสถานกันได้
นอกจากนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่เราสามารถไปชมความหลากหลายของชาติพันธุ์ได้ด้วย เช่น พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยเบิ้ง โคกสลุง และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชาวไทยพวน ที่เราสามารถไปศึกษาวิถีชีวิตชาวบ้าน กินอาหารโลคัลแท้ๆ อร่อยๆ ได้เลย
เหมาะมากสำหรับคนที่กำลังหาที่เที่ยวมาพักผ่อนหย่อนใจแบบไม่ต้องใช้เวลาเยอะแค่เสาร์ – อาทิตย์ก็เที่ยวได้แบบเต็มอิ่มแล้ว : )
• จ.สุพรรณบุรี
ขับรถจากกรุงเทพฯ ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว มีที่เที่ยวให้ครบทั้งธรรมชาติ ตั้งแคมป์ และเขื่อน ถ้าช่วงเสาร์ – อาทิตย์นี้อยากหนีจากป่าคอนกรีตมาเจอธรรมชาติใกล้ๆ ล่ะก็ ที่สุพรรณบุรีเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
ที่สุพรรณบุรีมีอุทยานแห่งชาติพุเตย ซึ่งเป็นผืนป่าสุดท้ายของป่าห้วยขาแข้ง มีเส้นทางเดินป่าให้ได้เดินเข้าไปสำรวจพันธุ์ไม้นานาชนิด เล่นน้ำตก ปีนผาไต่น้ำตก และมีลานกางเต็นท์ไว้สำหรับใครที่อยากขึ้นไปกางเต็นท์สัมผัสอากาศเย็นๆ ชมวิวภูเขา ตอนเย็นชมวิวพระอาทิตย์ตกและตกดึกนอนดูดาวไว้ให้พร้อม
แต่ถ้าใครที่ไม่อยากเดินป่า ขึ้นเขาล่ะก็ยังมีอ่างเก็บน้ำหุบเขาวง หรือที่หลายคนคุ้นกันในชื่อปางอุ๋งสุพรรณนั่นเอง บรรยากาศรายล้อมไปด้วยป่าไม้ ภูเขาเขียวๆ มีน้ำใสไหลเย็น เหมาะกับการมาแคมป์ปิ้งมากๆ
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมจะมีอุโมงค์ดอกไม้ตาเบบูญ่า ดอกไม้สีเหลืองอร่ามที่จะขึ้นริมสองฝั่งที่จะบานช่วงเดือนใครมาช่วงนี้ก็แวะมาถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ กันได้
นอกจากนั้นที่สุพรรณยังมีวัดวาอาราม ตลาดร้อยปี คาเฟ่ริมนาสวยๆให้ไปเที่ยวชิลๆ แบบ One Day Trip ได้ด้วยนะ ยังไงลองเก็บสุพรรณบุรีไว้เป็นไอเดียกันดู : ) ❖